World Economic Forum (WEF) เปิดเผยรายงานล่าสุดซึ่งประเมินว่า ความเท่าเทียมระหว่างผู้หญิงและผู้ชายอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปี 2154 หรือในอีก 131 ปี
ช่องว่างระหว่างเพศโดยรวม ซึ่งเป็นมาตรวัดความเท่าเทียมในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สุขภาพ และการศึกษา ลดลงเพียง 0.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ตามรายงาน ‘Global Gender Gap Report 2023’ ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ (21 มิถุนายน)
ซาเดีย ซาฮิดี กรรมการผู้จัดการของ WEF เขียนในรายงานว่า “ความเสมอภาคทางเพศทั่วโลกเกิดการถดถอยครั้งใหญ่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยความคืบหน้าก่อนหน้านี้หยุดชะงักจากโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้หญิงและเด็กผู้หญิงในด้านการศึกษาและแรงงาน ตามมาด้วยวิกฤตเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
“ปัจจุบัน บางพื้นที่ของโลกกำลังฟื้นตัว ขณะที่บางพื้นที่กลับตกต่ำลงอันเนื่องมาจากเกิดวิกฤตใหม่ๆ”
ดัชนีช่องว่างระหว่างเพศ หรือ Gender Gap Index ของ WEF วัดความเท่าเทียมทางเพศใน 146 ประเทศ ครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ โอกาสและการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจ การได้รับการศึกษา สุขภาพและการมีชีวิตรอด และอำนาจทางการเมือง ความเท่าเทียมโดยรวมดีขึ้น 4.1% นับตั้งแต่ WEF เปิดตัวดัชนีเมื่อปี 2006
รายงานดัชนีปีล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในด้านการได้รับการศึกษา สุขภาพและการมีชีวิตรอด และอำนาจทางการเมือง แต่ช่องว่างด้านการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจกลับถดถอยลง ซึ่งนับเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึง ‘วิกฤตหลังการระบาดใหญ่’
รายงานระบุว่า “ไม่เพียงผู้หญิงและเด็กหญิงหลายล้านคนเท่านั้นที่สูญเสียการเข้าถึงและโอกาสทางเศรษฐกิจ แต่วิกฤตเหล่านี้ยังส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลกด้วย”
WEF คาดการณ์ว่าจะใช้เวลา 169 ปีในการบรรลุความเสมอภาคทางเศรษฐกิจทั่วโลก และ 162 ปีสำหรับความเท่าเทียมทางการเมือง
มีเพียง 9 ประเทศเท่านั้นที่ปิดช่องว่างระหว่างเพศได้อย่างน้อย 80% ได้แก่ ไอซ์แลนด์, นอร์เวย์, ฟินแลนด์, นิวซีแลนด์, สวีเดน, เยอรมนี, นิการากัว, นามิเบีย และลิทัวเนีย และนับเป็นปีที่ 14 แล้วที่ไอซ์แลนด์ทำสถิติเป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมทางเพศมากที่สุด โดยปิดช่องว่างได้ถึง 91.2% ตามข้อมูลของ WEF
สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 43 ด้วยคะแนนความเท่าเทียม 74.8% สหรัฐฯ มีอันดับโดยรวมลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 27 ด้วยคะแนน 76.9% อันเป็นผลจากการลดลงอย่างมากในด้านอำนาจทางการเมือง
“การเร่งความก้าวหน้าไปสู่ความเสมอภาคทางเพศไม่เพียงปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้หญิงและเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้างมากขึ้น ฟื้นฟูการเติบโต ส่งเสริมนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น” รายงานระบุ
ภาพ: Dipayan Bose / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
