WEBTOON Entertainment (WBTN) บริษัทในเครือ NAVER ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มอ่านการ์ตูนออนไลน์ ตั้งเป้าที่จะขยายการเข้าถึงผู้อ่านทั่วโลก หลังบริษัทระดมทุนได้ 315 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น Nasdaq ด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับสาธารณะ (IPO) ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
Nikkei Asia รายงานว่า หนึ่งในเป้าหมายหลักและเป้าหมายแรกของ WEBTOON (เว็บตูน) ผ่านการประกาศของ Kim Yong Soo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ ว่า “เป้าหมายของเราคือการทำให้ความนิยมในการอ่านการ์ตูนออนไลน์ในภูมิภาคอเมริกาเหนือเติบโตในระดับที่สามารถเทียบเคียงกับตลาดญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ได้”
สิ่งที่แพลตฟอร์ม WEBTOONมีให้ลูกค้าจะไม่ต่างกับแนวคอนเทนต์ที่คล้ายกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่มีลักษณะเด่นของความย่อยง่ายเหมือนกับแพลตฟอร์ม อย่างเช่น TikTok หรือ YouTube ซึ่งเป็นเทรนด์ที่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวอเมริกัน
3 ใน 4 ของลูกค้า WEBTOONที่อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือมีอายุต่ำกว่า 25 ปี โดย David Lee ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน ให้สัมภาษณ์กับ Nikkei Asia ว่า “กลุ่มลูกค้าของเรานั้นไม่มีใครเคยเห็นหนังสือการ์ตูนเล่มจริงที่ทำมาจากกระดาษ นั่นหมายความว่า พวกเขาต้องการคอนเทนต์ที่กระชับ ย่อยง่าย และเสพได้ในเวลาสั้นๆ”
ย้อนกลับไปในปี 2005 NAVER เริ่มทำธุรกิจเว็บไซต์การ์ตูนออนไลน์ที่เปิดให้ผู้ใช้งานเข้าถึงคอนเทนต์ได้บนเว็บไซต์แบบไม่มีค่าใช้จ่าย แถมยังเป็นผู้ที่เริ่มใช้การเสพคอนเทนต์แบบเลื่อนขึ้น-เลื่อนลง (Vertical Scroll Format) ซึ่งถือว่าเป็นผู้มาก่อนกาล เพราะในวันนี้การรับชมคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ก็ใช้ Vertical Scroll Format เป็นส่วนมาก
ต่อมาปี 2013 WEBTOONขยายธุรกิจไปยังประเทศญี่ปุ่นด้วย LINE Manga และเปิดตัวคอนเทนต์เวอร์ชันภาษาอังกฤษในปีต่อมา จนในปัจจุบันผู้ใช้งาน WEBTOON มีอยู่กว่า 150 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ใน 5 เดือนแรกของปีนี้ NAVER มีส่วนแบ่งตลาดตามจำนวนผู้ใช้งานในเกาหลีใต้ สหรัฐอเมริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และฝรั่งเศส เพิ่มขึ้นจาก 60% เป็น 70% ซึ่งถือว่าเป็นผู้นำตลาดในประเทศกลุ่มนี้ โดยข้อมูลล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคม เผยว่า WEBTOONมีผู้ใช้งานต่อเดือนเฉลี่ยที่ 81 ล้านรายทั่วโลก ซึ่ง 30% มาจากเกาหลีใต้ 26% จากญี่ปุ่น และ 10% จากอเมริกาเหนือ ทำให้บริษัทมองว่าตลาดอเมริกาเหนือยังจะเติบโตได้ต่อ
หนึ่งในความสำเร็จของ WEBTOON ในบริบทโลกคือ การมีเครือข่ายของผู้สร้างคอนเทนต์ที่กว้างขวางกว่า 24 ล้านคนจากข้อมูลอัปเดตเมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยหลังจาก IPO บริษัทมีแผนที่จะใช้เงินที่ได้จากการขายหุ้นมาเพิ่มรายได้ให้กับครีเอเตอร์ และขยายฐานของพวกเขาเหล่านั้นไปในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ WEBTOONยังจะเพิ่มการลงทุนในฝั่งของ AI ให้เข้ามาช่วยครีเอเตอร์ด้วยเครื่องมือวาดรูปแบบอัตโนมัติ เพื่อประสิทธิภาพและความเร็วในการสร้างคอนเทนต์ อีกทั้งจะทำงานร่วมกับ LINE Manga ให้มากขึ้น เพื่อผลักดันการ์ตูนญี่ปุ่นให้เข้าถึงผู้บริโภคทั่วโลกมากขึ้น
ภายในปี 2027 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเกาหลีใต้คาดว่ายอดขายการ์ตูนออนไลน์จะเพิ่มขึ้นแตะ 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 เท่าตัวในเวลา 10 ปี
อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นการเติบโตรายปีค่อยๆ เป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากการเติบโตปีที่ผ่านมาของวงการนี้หลุด 10% หลังจากที่เคยทำได้ในปี 2019-2022 และอีกหนึ่งความท้าทายของ WEBTOONคือ การทำให้ธุรกิจกำไร เพราะ ณ ขณะนี้เป็นระยะเวลา 8 ไตรมาสติดต่อกันแล้วที่แพลตฟอร์มขาดทุน เนื่องจากต้องแบกรับต้นทุนที่จ่ายออกไปให้กับครีเอเตอร์กับความยากที่จะโน้มน้าวให้คนยอมจ่ายเงินมาอ่านการ์ตูนออนไลน์
แต่ David กลับกล่าวว่า “ผมไม่ค่อยได้สนใจผลกำไรเท่าไรในวันนี้ สัปดาห์หน้า หรือเดือนหน้า สิ่งที่ผมอยากทำให้ดีที่สุดก่อนคือ การให้สิ่งที่คนเห็นคุณค่าและสร้างคุณค่าให้กับผู้ถือหุ้นของเราในระยะยาว”
ภาพ: Bloomberg / Getty Images
อ้างอิง: