วันนี้ (17 พฤศจิกายน) กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน ฉบับที่ 5 (344/2568) เรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย โดยมีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 17 ถึง 23 พฤศจิกายน 2568
ในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศไทยตอนบนจะมีสภาพอากาศแปรปรวน โดยในระยะแรกอาจมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา ก่อนจะขยายไปภาคอื่น ๆ ในระยะถัดไป หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง ซึ่งเป็นผลมาจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุม
อุณหภูมิที่ลดลงจะแตกต่างกัน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4-7 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง (รวมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล) และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง และระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรด้วย
ขณะเดียวกัน ภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง
นอกจากนี้ คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจึงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-23 พฤศจิกายน 2568
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์ http://www.tmd.go.th หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


