วันนี้ (29 ตุลาคม) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต. กรณียื่นคำร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากยินยอมให้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าครอบงำและชี้นำพรรค
นพ.วรงค์ กล่าวว่า วันนี้ กกต. เชิญมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมใน 3 ประเด็นที่ร้องไว้ ทั้งการประชุมเพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 และการที่ทักษิณชี้นำว่า แพทองธาร ชินวัตร จะควบตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ รวมถึงการเชิญ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเข้าหารือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม นพ.วรงค์ เปิดเผยว่า มีข้อมูลเพิ่มเติมที่จะให้ กกต. อีก 3 ประเด็น แต่ทีมที่ปรึกษากฎหมายของพรรคเห็นว่า ไม่ควรจะเปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะการเปิดเผยจะทำให้อีกฝ่ายนำข้อมูลไปบิดเบือน โดย 3 ประเด็นใหม่นี้เป็นข้อมูลสำคัญและมีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเราเตรียมเอกสารมายื่นให้กับ กกต.
“เราเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่และสิ่งที่สื่อรายงาน ไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยสักคนออกมาปฏิเสธการรายงานของสื่อถ้ารายงานไม่ถูกต้อง คนของพรรคเพื่อไทยต้องออกมาปฏิเสธ เราจึงมั่นใจว่าหลักฐานชิ้นนี้จะเอาผิดพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณได้” นพ.วรงค์ กล่าว
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยอ้างว่าทักษิณไม่ได้ครอบงำ เนื่องจากการประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้ามีการเสนอชื่อ ชัยเกษม นิติสิริ อดีต สส. พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้าย 6 พรรคร่วมรัฐบาลก็โหวตให้แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า แล้วถ้าวันนั้นไม่มีการประชุมจัดตั้งรัฐบาล ทำไมพรรคเพื่อไทยกลับเพิ่งออกมาแก้ตัวหลัง กกต. รับคำร้อง
นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า แม้วันประชุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจะมีมติเสนอชื่อชัยเกษม แต่วันรุ่งขึ้นกลับโหวตเลือกแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องถามกลับว่า เย็นวันนั้นที่ทักษิณมาประชุม หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่เชื่อว่าทักษิณมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย แล้ว 6 พรรคร่วมจะมาร่วมประชุมทำไม คงไม่มาเพื่อนั่งเล่นเฉยๆ
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า ในคำร้องของตนไม่มีการกล่าวหาพรรคร่วมรัฐบาล แต่อาจมีของผู้ร้องคนอื่นๆ ซึ่งเหตุผลที่ไม่ร้อง 6 พรรคร่วม เพราะในฐานะที่ทำพรรคการเมือง ส่วนตัวไม่เชื่อว่าทักษิณสามารถครอบงำพรรคการเมืองอื่นได้ แต่เขามีสิทธิ์ที่จะต่อรองกับ 6 พรรค ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่า 6 พรรคร่วมต่อรองกับทักษิณแล้วจะจบ และเท่ากับว่าทักษิณมีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย
“ผมคิดว่าพรรคเพื่อไทยคงคิดว่า สิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดสร้างกระแสโต้กลับให้พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณหนักหน่วงกว่าที่คิด ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องแก้เกม แต่เกมที่ไหลลงมามีหลายเกมมาก ทำให้เขาต้องหยุดนิ่งและประเมินสถานการณ์ อย่างน้อยเขาต้องมาชี้แจงต่อ กกต. และเขาต้องคาดเดาว่าอีก 3 ประเด็นเพิ่มเติมที่ผมมายื่นต่อ กกต. มีอะไรบ้าง” นพ.วรงค์ ระบุ
นพ.วรงค์ มองว่า ต่อให้ทีมกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะเก่งแค่ไหน แต่หากทำผิดจริงก็ต่อสู้ยาก และเท่าที่สังเกตเราจะเห็นทีมกฎหมายประกาศอยู่เสมอว่าคำร้องเป็นเรื่องไร้สาระ แต่สุดท้ายก็มีประเด็น ทีมกฎหมายพูดแบบให้กำลังใจกันไปก่อน แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย ยังไม่รวมในประเด็นที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นเรื่องชั้น 14 สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทักษิณและพรรคเพื่อไทยยินยอมกระทำร่วมกัน จึงทำให้สถานการณ์โต้กลับเขาแรงกว่าที่คิด
นพ.วรงค์ ฝากไปถึงพรรคเพื่อไทยว่า วันนี้กับ 20 กว่าปีที่แล้วสังคมไม่เหมือนเดิม มีการสื่อสารหลายช่องทาง ในอดีตคุณอาจทำอะไรกับสื่อก็ได้ แต่วันนี้ทุกอย่างผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้กระแสโต้กลับแรงกว่าที่เขาคาดคิดและตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก
“แม้วันนี้คุณทักษิณจะไม่ออกมา แต่เชื่อว่าคุณทักษิณยังคุมและมีอิทธิพลเหนือรัฐบาลอยู่ ซึ่งหลักฐานในอดีตมีอยู่หลายชิ้น แล้วผมก็เคยพูดเตือนคุณทักษิณว่าอย่าออกมา แต่สุดท้ายคุณทักษิณก็เป็นผู้สร้างหลักฐานขึ้นมาเอง วันนี้อยู่นิ่งๆ ก็ดีแล้วจะได้ทำให้รัฐบาลมีเวลาแก้ปัญหา” นพ.วรงค์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ก่อนเดินทางกลับทันที