ราคาหุ้น OTO ร่วงติดฟลอร์ 2 วันติด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยออกโรงเตือนผู้ลงทุนให้พิจารณาข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายหุ้น ด้านผู้บริหารออกมาชี้แจงไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท
ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตือนผู้ลงทุนให้ระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ (OTO) เนื่องจากมีสภาพการซื้อขายที่ผิดไปจากปกติ และพบการขายที่กระจุกตัว โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 12-13 มิถุนายน 2566
ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้หลักทรัพย์ OTO อยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เนื่องจากสภาพการซื้อขายผิดปกติโดยไม่มีปัจจัยสนับสนุน โดยเมื่อเข้ามาตรการสภาพการซื้อขายลดความร้อนแรงลง
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12-13 มิถุนายน 2566 พบว่าปริมาณการซื้อขายปรับตัวเพิ่มขึ้น และพบการขายที่กระจุกตัว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย นอกจากนี้ ขอให้บริษัทสมาชิกทุกรายกำกับดูแลการซื้อขายและการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักทรัพย์ OTO อย่างใกล้ชิดและเคร่งครัด เพื่อป้องกันการส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
มาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 บริษัทสมาชิกต้องดำเนินการดังนี้
- ให้ผู้ลงทุนทุกประเภทที่ต้องการซื้อหลักทรัพย์ OTO ต้องวางเงินสด 100% ก่อนซื้อ
- บริษัทสมาชิกห้ามนำหลักทรัพย์ OTO คำนวณเป็นวงเงินในการซื้อขายในทุกประเภทบัญชี
ด้านคณาวุฒิ วรรทนธีรัช ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วันทูวัน คอนแทคส์ แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขอให้บริษัทชี้แจงเกี่ยวกับพัฒนาการที่สำคัญในระยะเวลาอันใกล้ เนื่องจากราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาที่ลดลงในช่วงวันที่ 12-13 มิถุนายน 2566 นั้น
บริษัทขอเรียนว่า การเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท อย่างไรก็ดี หากบริษัทมีพัฒนาการที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจที่สำคัญใดๆ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ลงทุนทราบ และจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดต่อไป
ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวราคาหุ้น OTO ช่วงวันที่ 12-13 มิถุนายน ปรับร่วงหนักติดฟลอร์ 2 วันติด โดยในวันที่ 12 มิถุนายน ปิดการซื้อที่ 11.30 บาท ลดลง 4.90 บาท หรือ 30.25% และวันที่ 13 มิถุนายน ปิดการซื้อที่ 7.90 บาท ลดลง 3.40 บาท หรือ 30.09%