หวังอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เปิดเผยระหว่างทริปเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาวานนี้ (26 ตุลาคม) ว่า สหรัฐฯ และจีนมีความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการเจรจา ‘เชิงลึกและครอบคลุม’ เพื่อลดเหตุเข้าใจผิดและรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสองดินแดนให้มีเสถียรภาพ
ในทริปเยือนสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นนี้ หวังอี้ได้เข้าร่วมประชุมกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยเขากล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีทั้งความสนใจและความท้าทายร่วมกัน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และด้วยเหตุนี้ จีนและสหรัฐฯ จึงจำเป็นต้องเปิดการสนทนา โดยไม่เพียงแต่เดินหน้าการเจรจาเท่านั้น แต่ควรต้องเจรจาเชิงลึกและครอบคลุมด้วย
หวังอี้กล่าวต่อไปว่า การหันหน้าสนทนากันจะช่วยลดความเข้าใจผิดระหว่างกัน อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ให้มีเสถียรภาพ ซึ่งจะทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกลับคืนสู่ทิศทางบวก มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป ขณะที่บลิงเคนก็ได้ขานรับคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากจีน โดยระบุว่า “ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐมนตรีต่างประเทศจีนกล่าว”
ทั้งนี้ ก่อนที่ทั้งสองจะพบปะกัน บลิงเคนกล่าวด้วยว่าเขาตั้งตารอที่จะเปิดการพูดคุยอย่างสร้างสรรค์กับหวังอี้ ขณะในระหว่างการประชุมบลิงเคนได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการจากไปของอดีตนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียงของจีน ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 68 ปีในวันนี้ (27 ตุลาคม) จากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ระยะ 3 วันของหวังอี้ถือเป็นการพบปะทางการทูตครั้งล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งถือเป็นชาติคู่แข่งทางยุทธศาสตร์ โดยทั้งสองดินแดนหวังที่จะหาวิธีจัดการกับความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง และสำหรับทริปนี้ก็มีวัตถุประสงค์หลักคือการเตรียมความพร้อมก่อนที่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสีจิ้นผิง จะเปิดฉากขึ้นนอกรอบการประชุม APEC ในนครซานฟรานซิสโก ระหว่างวันที่ 11-17 พฤศจิกายน
ส่วนในวันพรุ่งนี้ (28 ตุลาคม) หวังอี้จะเข้าพบปะกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ รวมถึงจะเข้าหารือกับไบเดนระหว่างเดินทางเยือนทำเนียบขาว โดยภารกิจหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ คือการป้องกันไม่ให้การแข่งขันอันดุเดือด ตลอดจนความขัดแย้งในมิติต่างๆ เช่น ประเด็นการค้า ไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างสองขั้วอำนาจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า การประชุมที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้สร้างความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในทันที โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของเหตุความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดย จอน อัลเทอร์แมน (Jon Alterman) หัวหน้าฝ่ายความเชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางแห่ง Center for Strategic and International Studies ระบุว่า แน่นอนว่าจีนมีความสนใจที่จะป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ และอิหร่านเผชิญหน้ากันโดยตรง เนื่องจากทั้งสองชาติเป็นผู้บริโภคน้ำมันรายใหญ่ และนั่นอาจเป็นปัจจัยที่ส่งให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น แต่ถึงเช่นนั้น จีนก็ไม่มีแนวโน้มที่จะออกหน้ารับภาระอันหนักอึ้งนี้ ฉะนั้นแล้ว การประชุมที่เกิดขึ้นจึงคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่การเตรียมการพบปะกันระหว่างสองผู้นำมากกว่า
ภาพ: Sarah Silbiger / REUTERS
อ้างอิง: