วันนี้ (24 กรกฎาคม) วันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยส่ง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย มาหารือกับ ส.ว. เพื่อหาเสียงสนับสนุนว่า ส่วนตัวยังไม่ได้รับการประสานใดๆ รวมถึงการประสานอย่างเป็นทางการก็ยังไม่ได้รับการติดต่อ และจากการที่อยู่ในการเมือง ทำงานในรัฐสภาด้วยกัน เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยก็น่าจะรู้จักกลุ่ม ส.ว. และมีการติดต่อบ้าง ซึ่งมีเพื่อนของ ส.ว. หลายคนมาเล่าให้ฟัง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีวันที่ 27 กรกฎาคมจะมีแนวโน้มไปในรูปแบบใด วันชัยกล่าวว่า วันโหวตเมื่อวันที่ 13 และ 19 กรกฎาคม คงชี้ให้เห็นถึงจุดยืนของ ส.ว. ส่วนใหญ่ พรรคเพื่อไทยในฐานะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คงนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาและการตัดสินใจ รวมถึงแลกเปลี่ยนกับพรรคร่วมรัฐบาลได้
ส่วนในวันที่ 27 กรกฎาคมนี้จะโหวตให้กับแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยหรือไม่ วันชัยกล่าวว่า “จุดยืนของผมไม่เปลี่ยนแปลง ใครที่รวมเสียงข้างมากได้ ส.ว. วันชัยยืนยันในหลักการนั้น จะโหวตให้คนคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและรวมเสียงข้างมากได้ผมก็จะโหวตให้”
เมื่อถามว่าจำเป็นจะต้องมีการเลื่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เนื่องจากการเจรจายังไม่เรียบร้อย ทาง ส.ว. ได้หยิบเรื่องนี้มาหารือหรือไม่ วันชัยกล่าวว่า อาจเป็นความเห็นส่วนตัวของบางคนบางพรรค แต่ถ้าพรรคแกนนำหรือพรรคที่จะจัดตั้งรัฐบาลมีความพร้อมและประเมินแล้วว่ามีความสามารถรวบรวมเสียงได้มากกว่า 375 เสียง เชื่อว่าไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นที่จะต้องเลื่อน เว้นแต่พรรคแกนนำจะยังไม่มั่นใจ ก็อาจจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้
วันชัยกล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าการโหวตแล้วผ่านเลยเป็นเรื่องดี ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจของพี่น้องประชาชน และอาจจะเกิดการตั้งคำถามกับสภา ว่าไม่สามารถจัดการเรื่องการตั้งนายกฯ ได้เสียที แต่ถ้าไม่มั่นใจ ไม่พร้อมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว. ได้พูดคุยในประเด็นจุดยืนและแนวทางหรือไม่ วันชัยระบุว่า กรรมาธิการการเมืองได้พูดคุยกันเมื่อเช้านี้ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนกัน แต่ทั้งหมดค่อนข้างเห็นตรงกันว่า ถ้ามีความพร้อมก็ควรจะเลือกเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชน แต่หากยังไม่มีความพร้อม ถ้ามีการประสานงานมา ส.ว. เองก็ไม่มีความเห็นขัดข้องแต่อย่างใด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่รอให้ ส.ว. หมดวาระจึงเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีผลในระยะยาวหรือไม่ วันชัยกล่าวว่า อย่างที่รู้กันอยู่แล้ว ประชาชนก็วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ว่าคงเป็นไปไม่ได้ เป็นการพูดในการเสียดสีเท่านั้น แต่หากจะทำให้เป็นจริง บ้านเมืองคงรอไม่ได้ ตนเชื่อว่าความสามารถของแกนนำพรรคเพื่อไทยน่าจะประสานทุกภาคส่วนได้ และสามารถดำเนินการได้ รวมถึงเชื่อว่า ส.ว. ส่วนใหญ่ก็อยากให้มีรัฐบาล และคงจะไม่เป็นตัวถ่วงที่ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปด้วยความล่าช้า
สำหรับพรรคก้าวไกลที่อาจจะถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน และอาจจะทำให้มวลชนลงถนนนั้น วันชัยกล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบใด การเมืองก็มีความเห็นต่าง ตนถือว่าเป็นเรื่องปกติ ใครก็ตามที่เป็นรัฐบาลจะต้องบริหารบ้านเมืองให้เป็นปกติให้ได้ และเมื่อเป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ กลายเป็นฝ่ายค้าน ตนก็เชื่อว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศได้ทั้งสิ้น
ฉะนั้นอย่าบอกว่าเราต้องเป็นฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว เป็นฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบที่เข้มแข็ง ก็จะช่วยให้การบริหารบ้านเมืองเป็นไปได้ความเรียบร้อย โปร่งใสกับพี่น้องประชาชน
