×

เลือกตั้ง 2566 : วันมูหะมัดนอร์ เผยประธานสภาอายุน้อยไม่ใช่ปัญหา ต้องเร่งปฏิรูปฝ่ายบริหารที่อ่อนแอ เตรียมฟ้องกลับสนธิพาดพิงปมแบ่งแยกดินแดน

โดย THE STANDARD TEAM
20.06.2023
  • LOADING...
วันมูหะมัดนอร์ มะทา

วันนี้ (20 มิถุนายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เดินทางมารับหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ด้วยตนเอง เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรลำดับต่อไป

 

วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ขอขอบคุณ กกต. ที่รับรองการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์กับ ส.ส. เท่านั้น พี่น้องประชาชนต่างก็ได้รับประโยชน์ด้วย เพราะจากนี้จะมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เลือกประธานสภา และรองประธานสภา หลังจากประธานสภาได้รับเลือกแล้ว ก็จะมีการเชิญสมาชิกสภาเข้าประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศ แก้ปัญหาที่ประชาชนรอคอย

 

สำหรับตลอดเวลาที่ผ่านมาการดำเนินงานของ 8 พรรคร่วม มีการตั้งคณะกรรมการย่อยเพื่อเตรียมการขั้นตอนของการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งทำไปคืบหน้ามากแล้ว รวมไปถึงการกำหนดนโยบายเรื่องต่างๆ เมื่อได้เข้ารับตำแหน่งหน้าที่จะได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่มีอยู่หลายด้านได้ ส่วนข้อตกลงร่วมกัน (MOU) ของพรรคการเมืองที่มีประมาณ 20 กว่าข้อต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะแถลงนโยบายต่อสภา

 

วันมูหะมัดนอร์กล่าวต่อว่า วันที่ 22 มิถุนายนนี้ มีการนัดประชุมหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล คาดว่าเป็นเรื่องความคืบหน้าหลังจากที่ กกต. รับรองสมาชิกทั้ง 500 คน ส่วนเรื่องของประธานสภา และรองประธานสภา ได้มีการตกลงกันก่อนหน้านี้ มอบหมายให้พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไปตกลง และรายงานให้หัวหน้าพรรคทั้ง 8 ทราบในวันที่ 22 มิถุนายนนี้ ส่วนตัวคิดว่าไม่มีอะไร เพราะทั้งสองพรรคน่าจะคุยกันได้ลุล่วงเรื่องประธานสภา

 

สำหรับการคุยกันคงจะเป็นการตกลงกันในประการแรกว่า พรรคใดจะเป็นประธานสภา พรรคต่อมาใครจะเป็นรองประธานสภา ทั้งนี้ แต่ละพรรคคาดว่าจะมีตัวบุคคลแล้ว และเชื่อมั่นว่าบุคคลที่จะเป็นประธานสภา และรองประธานสภา จะเป็นผู้ที่มีคุณภาพ และต้องผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เพราะว่าจะมีหลายกฎหมายที่ต้องแก้ไข 

 

ทั้งนี้ ทั้ง 8 พรรคมีการพูดคุยกันมาเสมอคือ ต้องมีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะเป็นหน้าที่ประธานสภาที่จะเป็นผู้นำนิติบัญญัติดำเนินการแก้ไขให้รวดเร็ว เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยตามที่ประชาชนต้องการ 

 

“พรรคไหนจะได้ระหว่าง 2 พรรคนี้ก็ขอให้เลือกคนที่มีคุณภาพสูงสุดเพื่อที่จะทำหน้าที่ได้ เราต้องการที่จะปฏิรูปทุกด้าน ไม่ใช่ปฏิรูปฝ่ายบริหารอย่างเดียวที่เราเห็นว่าอ่อนแอมากขณะนี้ ทุกสิ่งต้องรวดเร็วมีประสิทธิภาพ การจัดการประชุมไม่ควรล้มเหลวเหมือนที่ผ่านมา” วันมูหะมัดนอร์กล่าว

 

ส่วนการจัดตำแหน่งคณะรัฐมนตรี วันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เป็นขั้นต่อไปหลังประชุมเลือกประธานสภาเสร็จต้องมีการจัดตำแหน่งให้ลงตัว ให้เหมาะสมกับกระทรวง เหมาะสมกับนโยบาย ส่วนพรรคประชาชาติเราที่เป็นพรรคเล็กก็รอการเจรจา เราอยู่ตรงไหนก็ได้ที่สามารถขับเคลื่อนสิ่งที่เห็นว่ามีความสามารถ เราไม่ได้เลือกกระทรวง เพราะสุดท้ายเราต้องไปทำงาน ไม่ใช่ไปหาผลประโยชน์

 

วันมูหะมัดนอร์กล่าวต่อว่า เรื่องอ่อนหรือแก่ประสบการณ์ในการเป็นประธานสภา ส่วนตัวมองว่าอายุมากหรือน้อยไม่เกี่ยว อยู่ที่บุคลิกลักษณะการเป็นผู้นำ บุคลิกคนนั้นต้องควบคุมการประชุมได้ คนที่เป็นประธานต้องศึกษาข้อบังคับ ข้อกฎหมายอย่างแม่นยำ ตัดสินบนพื้นฐาน การให้โอกาสสมาชิกเสนอความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ต้องรักษาข้อบังคับของสภา

 

ทั้งนี้ วันมูหะมัดนอร์กล่าวถึงกรณีที่ สนธิ ลิ้มทองกุล จัดรายการพาดพิงถึงนโยบายชายแดนภาคใต้ โดยพูดล่วงละเมิดพรรคประชาชาติและตัวเองว่า การกล่าวว่าพรรคประชาชาติสนับสนุนการทำประชามติแบ่งแยกดินแดน ตนขอความเป็นธรรมจากประชาชน เพราะพรรคประชาชาติแค่ถูกรับเชิญไปพูดในกิจกรรมของนักศึกษาในเชิงหลักการที่นักศึกษาเป็นคนจัดขึ้น ส่วนการทำประชามติเป็นเพียงกิจกรรมหนึ่งของงาน 

 

ขอยืนยันว่าเราไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกดินแดน เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญ เมื่อเป็นนักการเมืองก็ต้องเคารพรัฐธรรมนูญ สิ่งที่สนธิพูดว่าตนเองสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดน และหากทำได้จริงจะไปเป็นผู้ปกครองของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องนี้ความจริงจะกระทำไม่ได้เลย ถือเป็นการโกหกโดยสิ้นเชิง 

 

วันมูหะมัดนอร์กล่าวต่อว่า ตนตั้งพรรคการเมืองเพื่อเล่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตนเคยเป็นประธานรัฐสภาในยุคที่มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด ตนจึงอยากฟ้องประชาชนเท่านั้น ส่วนในเรื่องข้อกฎหมายตอนนี้กำลังให้ทีมกฎหมายของพรรคพิจารณาอยู่ เพราะตัวเองอยากให้ทุกฝ่ายให้ความเป็นธรรมกับตัวเอง เนื่องจากที่ผ่านมาเล่นการเมืองมา 40 ปี เป็น ส.ส. มา 11 สมัย ถ้าตนไม่จงรักภักดีต่อบ้านเมือง ประชาชนจะเลือกตนมาได้อย่างไร และอยากให้ประชาชนเลือกว่าจะเชื่อใคร ระหว่างคนที่ถูกศาลสั่งจำคุกในฐานฉ้อโกงบริษัทตัวเองในตลาดหลักทรัพย์ กับตัวเองที่ไม่เคยถูกกล่าวหาเลยว่าทุจริตคอร์รัปชัน รวมทั้งไม่เคยถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถ้าหากสนธิมีหลักฐานก็ให้ไปฟ้องเอาได้เลย

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X