‘หุ้นวอลล์สตรีท’ ร่วงปิดตลาดในแดนลบ นักลงทุนชะลอซื้อขาย รอฟังถ้อยแถลงประธาน Fed คืนนี้

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อวานนี้ (26 สิงหาคม) พลิกกลับมาปิดตลาดในแดนลบอีกครั้ง หลังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 วันที่ผ่านมา โดยนักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ต่างชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูท่าทีของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะขึ้นแถลงในการประชุมประจำปีที่เมือง Jackson Hole

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาเฝ้าระวังสถานการณ์ในอัฟกานิสถานที่ทวีความตึงเครียดจากเหตุระเบิดที่สนามบินในกรุงคาบูล จนทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เสียชีวิตแล้ว 12 ราย บาดเจ็บอีก 15 ราย บวกกับปัญหาการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา

โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ขยับลดลง 192.38 จุด หรือ 0.5% มาอยู่ที่ 35,213.12, ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 0.5% มาอยู่ที่ 4,470.00 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.6% มาอยู่ที่ 14,945.81 จุด ซึ่งทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ก่อนหน้านี้เพียง 1 วันเพิ่งจะปิดตลาดทำสถิติไปหมาดๆ

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มพลังงานได้รับผลกระทบหนักที่สุด ตามด้วยหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวเดินทาง

นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มไม่มั่นใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในสหรัฐฯ และเพราะในขณะที่ตัวเลข GDP ในไตรมาสมีการเติบโตถึง 6.6% แต่อัตราการว่างงานสัปดาห์นี้กลับเพิ่มขึ้นจาก 349,000 ราย มาอยู่ที่ 353,000 ราย

ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1.375% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนสิงหาคม

ด้านราคาทองคำขยับปรับลดเล็กน้อย โดยราคาทองคำฟิวเจอร์สงวดส่งมอบเดือนตุลาคม ปรับตัวลดลง 7.40 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ 1,780 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

ขณะที่สถานการณ์ในแวดวงคริปโตเคอร์เรนซี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าภาวะขาขึ้นของ Bitcoin อาจเริ่มแผ่วแล้ว หลังจากที่พุ่งทะยานทะลุ 50,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคา Bitcoin เมื่อวานนี้ (26 สิงหาคม) ปรับตัวลดลงถึง 4.9% มาอยู่ที่ 46,322 ดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกันกับที่ Ethereum ก็ปรับลดลงเช่นกัน

รายงานระบุว่า การลดลงดังกล่าวทำให้ราคา Bitcoin ปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม เพียง 60%

อ้างอิง: