ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น Wall Street ของสหรัฐฯ เปิดตลาดรับวันแรกของสัปดาห์ (21 มิถุนายน) พลิกกลับมาเป็นไปในทิศทางบวกอีกครั้ง หลังจากที่นักลงทุนหายจากอาการตกใจจากการส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่กำหนดไว้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
โดยเมื่อวานนี้ดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones ปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้น 586.89 จุด หรือ 1.76% ปิดที่ 33,876.97 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 58.34 จุด หรือ 1.40% ปิดที่ 4,224.79 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 111.10 จุด หรือ 0.79% ปิดที่ 14,141.48 จุด โดยเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้ เนื่องจากหุ้นเทครายใหญ่อย่าง Amazon, Tesla, Nvidia และ Netflix ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ตลาด Wall Street ได้แรงหนุนการหุ้นในกลุ่มพลังงาน สถาบันการเงินและธนาคาร และหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรม เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นโอกาสในการเติบโต หลังจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย หลายประเทศและหลายเมืองเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้มีแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในทางบวก
รายงานระบุว่า หุ้น Devon Energy พุ่งขึ้นเกือบ 7% ขณะที่หุ้นของ Occidental Petroleum เพิ่มขึ้นประมาณ 5.4% ด้านหุ้นการเดินทางอย่าง Norwegian Cruise Line และ Boeing ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 3% ขณะที่หุ้นธนาคารอย่าง JPMorgan, Bank of America และ Goldman Sachs ก็ฟื้นตัวกลับมาปิดตลาดเมื่อวานนี้ในแดนบวกได้เช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหุ้นในภาคการเงินปรับตัวลดลงกว่า 6% หุ้นพลังงานลดลงมากว่า 5% และหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงมากกว่า 3%
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ชี้ว่าแรงเทขายของนักลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นผลมาจากอาการตื่นตกใจมากเกินไป ดังนั้นเมื่อตั้งหลักได้ และพิจารณาเห็นปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ทยอยฟื้นกลับมาเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนเริ่มวางใจและกลับมาเทรดในตลาดตามปกติ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอดูท่าทีของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีกำหนดจะเข้าให้ข้อมูลกับคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันอังคารนี้ (22 มิถุนายน) ก่อนที่จะเข้าร่วมจัดการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้น
ด้านราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส วดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดตลาดที่ 73.66 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 74.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันเป็นผลมาจากปัญหาในเรื่องซัพพลายการผลิตน้ำมันที่ชาติผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง อิหร่าน กำลังอยู่ในระหว่างการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ ซึ่งหากอิหร่านสามารถบรรลุข้อตกลงและดำเนินการเจรจาได้อย่างราบรื่น อิหร่านอาจกลับมาส่งออกน้ำมันได้เพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 1% ของซัพพลายพลังงานโลก จนอาจก่อปัญหาด้านซัพพลายล้นตลาดท่ามกลางดีมานด์ที่ตึงตัว
ในส่วนของราคาทองคำ มีการปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 13.90 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,782.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
