ดัชนีหุ้นในตลาด Wall Street เมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม) ปิดตลาดปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เนื่องจากนักลงทุนในตลาดพากันวิตกกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสองชาติมหาอำนาจคือ สหรัฐฯ กับจีน ที่เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาะไต้หวัน โดยไม่สนใจคำคัดค้านแกมขู่ของทางรัฐบาลจีน
นอกจากนี้ตลาดยังได้รับปัจจัยฉุดรั้งจากการออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่จะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะภาวะเงินเฟ้อแนวโน้มลากยาวไปจนถึงกลางปีหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีอุตสาหกรรม Down Jones ปรับตัวลดลง 402.23 จุด หรือ 1.23% ปิดที่ 32,396.17 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 27.44 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 4,091.19 จุด และดัชนี Nasdaq Compoiste ลดลง 20.22 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 12,348.76 จุด แม้ว่ารายงานผลประกอบการของบางบริษัท เช่น Uber จะมากกว่าที่คาดการณ์จนดันให้หุ้นของบริษัทพุ่งขึ้น 18.9%
โดยก่อนหน้าที่จะมีรายงานยืนยันการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซี ตลาดหุ้น Wall Street ก็ขยับไปในแดนลบมากกว่าแดนบวกอยู่แล้ว หลังจากที่บรรดาประธาน Fed ประจำสาขาชิคาโก, ซานฟรานซิสโก และคลีฟแลนด์ มองเห็นตรงกันว่า เงินเฟ้อสหรัฐฯ ในขณะนี้ยังไม่แตะระดับพีค และมีโอกาสขยับขึ้นอีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องขยายการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอย่างน้อยก็จนกว่าจะถึงกลางปี 2023
หลังจากนั้นตลาดก็ได้รับข่าวร้ายฉุดให้ร่วงลงอีก หลังมีรายงานว่า เพโลซีเดินทางถึงกรุงไทเปของไต้หวัน โดยไม่สนใจท่าทีและคำเตือนของรัฐบาลจีนที่มองว่าการเยือนไต้หวันเป็นการยั่วยุที่ก่อให้เกิดความข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น และเป็นการคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพของรัฐบาล
ขณะที่เพโลซีแย้งว่า การเดินทางของตนเองคือการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสหรัฐฯ ที่มีต่อเกาะปกครองตนเองอย่างไต้หวัน
นักวิเคราะห์หลายสำนักเห็นตรงกันว่า การตัดสินใจของเพโลซีสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงกับทางรัฐบาลจีน จนส่งผลกระทบต่อความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ยืนยันได้จากการที่กระทรวงกลาโหมจีนออกมาประกาศในคืนอังคาร (2 สิงหาคม) ว่าทางกองทัพอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมระดับสูง และเตรียมจะเปิด ‘การปฏิบัติการทางทหารแบบมีเป้าหมาย’ (Targeted Military Operations) ในการตอบโต้กับการที่เพโลซีเดินทางไปเยือนไต้หวัน
ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้ทองคำกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยมีรายงานว่า บรรดานักลงทุนหันมาแห่ซื้อถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะในการรักษาความมั่งคั่งของตนเอง
รายงานระบุว่า ราคาทองคำเมื่อวานนี้ (2 สิงหาคม) ปิดตลาดปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 โดยราคาทองคำในตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,789.70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ขณะที่ราคาน้ำมันขยับปรับขึ้นมาเล็กน้อย โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 53 เซนต์ ปิดที่ 94.42 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 51 เซนต์ ปิดที่ 100.54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนต่างจับตาข้อมูลปริมาณคลังปิโตรเลียมสำรองของสหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (3 สิงหาคม) ซึ่งจะบ่งชี้ถึงสถานการณ์ทางอุปสงค์และอุปทานภายในประเทศที่บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลก
ขณะเดียวกัน นักลงทุนต่างจับตาการประชุม OPEC+ ที่มีรัสเซียรวมอยู่ด้วย มีกำหนดหารือกันในวันพุธ (3 สิงหาคม) โดยบรรดาแหล่งข่าวเผยว่าจะมีการพูดคุยหารือเกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังผลิตที่ส่วนหนึ่งเชื่อว่าอาจมีการปรับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่อีกส่วนหนึ่งมองว่าไม่น่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังผลิตแต่อย่างใด
นอกจากนี้ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สขยับขึ้นน้อยกว่า 1% ท่ามกลางความกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอาจจำกัดความต้องการพลังงาน
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/08/01/stock-futures-are-flat-after-first-trading-day-in-august.html
- https://www.cnbc.com/2022/08/02/apple-chipmaker-tsmc-warns-taiwan-china-war-would-make-everybody-losers.html
- https://www.reuters.com/business/energy/oil-prices-slip-weak-manufacturing-data-stokes-recession-fears-2022-08-02/
- https://www.kitco.com/news/2022-08-02/Gold-price-rises-on-safe-haven-demand.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP