การเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาของประเทศอินโดนีเซียนั้นถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีที่รัฐบาลอินโดนีเซียให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยประกาศยกย่องให้วันวิสาขบูชาเป็นวันหยุดประจำชาติ (Waisak National Holiday) ซึ่งในปีนี้รัฐบาลอินโดนีเซียนำโดยประธานาธิบดีโจโก วิโดโด, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย มีนโยบายจัดงานเฉลิมฉลองวิสาขบูชาอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อให้พระมหาเจดีย์บุโรพุทโธเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธและนักท่องเที่ยวทั่วโลก
โดยมอบหมายให้สมาคมชาวพุทธแห่งอินโดนีเซีย หรือ วาลูบี (WALUBI), สหภาพพระธรรมทูตไทยในอินโดนีเซีย-แอฟริกา, มูลนิธิธรรมกาย และสมาคมพุทธศาสนามหานิกายแห่งประเทศอินโดนีเซีย หรือ MBMI รับหน้าที่ดูแลการจุดประทีปลอยโคมถวายเป็นพุทธบูชา
งานวันวิสาขบูชาของประเทศอินโดนีเซียในปีนี้จัดขึ้นตรงกับวันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน 2566 ตามปฏิทินของประเทศไทย พิธีเริ่มต้นขึ้นที่วัดเมินดุดซึ่งอยู่ห่างจากพระมหาเจดีย์บุโรพุทโธราว 5 กิโลเมตร เริ่มต้นด้วยการเจริญพระพุทธมนต์ร่วมกันของคณะสงฆ์จำนวนกว่า 300 รูปจากทุกนิกายทั่วประเทศอินโดนีเซีย
จากนั้นผู้นำองค์กรพุทธนานาชาติที่เดินทางมาจากประเทศทั่วโลกนำคณะสงฆ์ทุกนิกายเดินธรรมยาตราจากวัดเมินดุด ต่อด้วยขบวนรถบุปผชาติอัญเชิญน้ำและไฟศักดิ์สิทธิ์เคลื่อนขบวนไปยังพระมหาเจดีย์บุโรพุทโธ เพื่อน้อมรำลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งตลอดระยะทางกว่า 5 กิโลเมตรเนืองแน่นไปด้วยประชาชนชาวเมืองยอกยาการ์ตา พุทธศาสนิกชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เปล่งเสียงสาธุการชื่นชมขบวนธรรมยาตรา บ้างก็พนมมือไหว้พุทธบุตรที่เดินผ่านไปด้วยความเลื่อมใส ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าชาวอินโดนีเซียมีส่วนร่วมและยินดีกับการเฉลิมฉลองวิสาขบูชานานาชาติครั้งนี้ สร้างความประทับใจให้กับคณะสงฆ์และชาวพุทธจากนานาชาติเป็นอย่างยิ่ง
ความแตกต่างทางวัฒนธรรมในการใช้ดอกไม้บูชา ที่ประเทศอินโดนีเซียนิยมใช้ดอกซ่อนกลิ่นในการไหว้บูชาหรือประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีความเชื่อว่าช่อของดอกซ่อนกลิ่นเป็นเครื่องหมายของความสุขสดชื่นและความปรารถนาดี ต่างจากคนไทยที่มีความเชื่อว่าเป็นดอกไม้ไม่เป็นมงคล ไม่ควรปลูกไว้ในบ้าน เพราะเชื่อว่าเป็นลางไม่ดีแก่ผู้อาศัย