พลังของ LGBTQIA+ กลายเป็นอินไซต์ให้ ‘วาโก้’ ประเทศไทย เปิดตัวกางเกงในลายลูกไม้สำหรับผู้ชาย วางขายวันแรกในงานสหกรุ๊ปแฟร์ ประเดิมตลาดด้วย 2 สี แดงและดำ ราคา 590-790 บาท เจาะกลุ่ม LGBTQIA+ และผู้ชาย สลัดภาพลักษณ์ใหม่ ต่อจากนี้วาโก้จะไม่ใช่แบรนด์ชุดชั้นในผู้หญิง แต่จะเป็นแบรนด์ของทุกเพศทุกวัย
อินทิรา นาคสกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ว่าเราได้ไอเดียมาจาก Wacoal ผู้ผลิตชุดชั้นในสัญชาติญี่ปุ่น ที่ได้พัฒนา Lace Boxer ซึ่งเป็นกางเกงบ็อกเซอร์ผู้ชายที่ทำด้วยผ้าลูกไม้ ซึ่งในญี่ปุ่นถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี ส่วนของประเทศไทยจะแตกต่างกันที่ลักษณะในการออกแบบและมีวัสดุในกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้นมองว่าเป็นโอกาสจากกลุ่ม LGBTQIA+ ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียและได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยจะเห็นว่าสินค้าหลายๆ แบรนด์ต่างปรับตัวด้วยการพัฒนาสินค้าเข้าตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้โดยเฉพาะ
“วาโก้ได้ลงพื้นที่ไปศึกษาความต้องการกับผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศประมาณ 40% ต้องการสินค้าที่แปลกใหม่และมีให้เลือกหลากหลาย จึงเป็นที่มาของสินค้ากางเกงในผู้ชายลายลูกไม้”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ระยะแรกเป็นช่วงทดลองตลาด วางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ก่อน และหากในครึ่งปีหลังสามารถสร้างยอดขายได้อย่างน้อย 50% ก็จะเริ่มวางแผนเพิ่มสีและวาไรตี้ใหม่ๆ ให้หลากหลายขึ้น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายนอกจาก LGBTQIA+ แล้ว ยังเจาะกลุ่มผู้ชายด้วยเช่นกัน ซึ่งผู้ชายบางคนอาจจะแพ้ง่าย และต้องการลองสินค้าที่แปลกใหม่ ซึ่งสินค้าดังกล่าวก็ตอบโจทย์ หลังจากเปิดตัวก็ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
นอกจากนี้สินค้าดังกล่าวมีการทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก เริ่มตั้งแต่การใช้อินฟลูเอ็นเซอร์ที่มีชื่อเสียง การซื้อสื่อโฆษณา เพื่อสื่อสารถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างตรงจุด
“ยอมรับว่ากางเกงในลายลูกไม้ยังเป็นโปรดักต์กลุ่มเล็กอยู่ ถ้ามีโอกาสในการขายมากในอนาคตอาจจะมีพรีเซนเตอร์เข้ามาช่วยสื่อสารแบรนด์”
หากย้อนไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าแบรนด์วาโก้ได้ใช้พรีเซนเตอร์อย่าง ป๋อมแป๋ม-นิติ ชัยชิตาทร ที่มีเอกลักษณ์ของตนเองและได้รับความนิยมในวงการ เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ความแปลกใหม่ของวงการชุดชั้นในอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมของวาโก้ ประเทศไทย ในครึ่งปีแรก สร้างยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวอยู่ แต่ในสิ้นปีนี้ตั้งเป้าให้ยอดขายสินค้าเติบโต 14% โดยยอดขายส่วนใหญ่มาจากหน้าร้าน 90% และมาจากการปล่อยคอลเล็กชันใหม่ออกมากระตุ้นตลาดประมาณ 6 รายการต่อปี