ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านคลิปวิดีโอช่วงสายวานนี้ (12 กันยายน) ยืนยันว่าตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ กองทัพยูเครนสามารถบุกยึดดินแดนในพื้นที่ทางตะวันออกและทางตอนใต้คืนจากรัสเซียได้แล้วมากกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร
“ตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนจนถึงวันนี้ นักรบของเราได้ปลดปล่อยดินแดนยูเครนไปแล้วกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตร ทั้งทางตะวันออกและทางใต้” เซเลนสกีกล่าว และยืนยันว่ากองทัพยูเครนยังคงเดินหน้าโจมตีโต้กลับรัสเซียอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์สงครามในยูเครนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นฝ่ายรัสเซียที่ถดถอยอย่างชัดเจน หลังถูกกองทัพยูเครนจู่โจมอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว โดยในวันพฤหัสบดี (8 กันยายน) เซเลนสกีเผยว่า กองทัพสามารถบุกยึดดินแดนคืนได้ราว 1,000 ตารางกิโลเมตร ก่อนจะเพิ่มอีก 3 เท่า หรือกว่า 3,000 ตารางกิโลเมตรในวันอาทิตย์ (11 กันยายน)
เซเลนสกียังได้กล่าวขอบคุณกองพลน้อยแห่งกองทัพยูเครนหลายกองพลที่มีส่วนในภารกิจโจมตีตอบโต้ โดยบรรยายถึงเหล่าทหารยูเครนว่าเป็น ‘วีรบุรุษที่แท้จริง’ ขณะที่เขาไม่ได้เปิดเผยว่าเมืองและหมู่บ้านใดที่ได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของรัสเซีย
ทางด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับว่าได้สูญเสียหลายเมืองสำคัญในจังหวัดคาร์คีฟทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งรวมถึงเมืองที่เป็นจุดยุทธศาสตร์และเส้นทางส่งเสบียง ทั้งบาลักลิยา (Balakliya) อิซิอุม (Izyum) และคูเปียนสก์ (Kupiansk) แต่อ้างว่าการถอนกำลังทหารออกจากหลายเมืองดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้รวมกำลังพลเพื่อมุ่งเน้นแนวรบในแคว้นลูฮันสก์และโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครน
ทั้งนี้ มีรายงานว่ากองทัพยูเครนยังค่อยๆ รุกคืบเข้าไปในภูมิภาคเคอร์ซอน ซึ่งมีพรมแดนติดกับแคว้นไครเมีย ที่รัสเซียผนวกรวมไปจากยูเครนอย่างไม่ชอบธรรมในปี 2014
ผู้เชี่ยวชาญทางทหารมองว่า การรุกคืบของยูเครนนั้นส่งผลต่อภาพรวมของสงครามอย่างมีนัยสำคัญ โดยเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักรชี้ว่า ความสำเร็จในการบุกของยูเครนจะมีผลสำคัญต่อการออกแบบปฏิบัติการโดยรวมของรัสเซีย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพสหรัฐฯ เผยว่า รัสเซียได้สละดินแดนส่วนใหญ่ใกล้กับคาร์คีฟ และดึงทหารจำนวนมากกลับข้ามพรมแดน
อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลเครมลิน แถลงยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนจะดำเนินต่อไปจนกว่าภารกิจที่กำหนดไว้ในตอนแรกบรรลุผลสำเร็จ และเผยว่ากองทัพรัสเซียยังคงทำการโจมตีในหลายพื้นที่ซึ่งถูกยูเครนยึดคืนไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เซเลนสกียังเรียกร้องชาติตะวันตกให้เร่งจัดส่งระบบอาวุธให้แก่ยูเครนมากขึ้น และชี้ว่ายูเครนและชาติตะวันตกจะต้องเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อเอาชนะการก่อการร้ายของรัสเซีย
ที่ผ่านมารัฐบาลวอชิงตันได้ทุ่มงบประมาณหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนอาวุธแก่ยูเครน และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการประกาศแผนสนับสนุนอาวุธล่าสุดแก่ยูเครน ซึ่งรวมถึงกระสุนสำหรับระบบต่อต้านจรวด HIMARS และก่อนหน้านี้ยังได้ส่งระบบขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ NASAMS ซึ่งสามารถยิงเครื่องบินตกได้ให้กองทัพยูเครน
ด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เดินทางไปเยือนกรุงเคียฟและพบปะกับเซเลนสกีเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา แถลงข่าวจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ ยืนยันว่ากองทัพยูเครนนั้นมีความคืบหน้าครั้งสำคัญด้วยการสนับสนุนของชาติตะวันตก
“สิ่งที่พวกเขาทำนั้นได้รับการวางแผนอย่างเป็นระบบ และแน่นอนว่ามันได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนที่สำคัญจากสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ อีกมากมาย ในแง่ของการทำให้แน่ใจว่ายูเครนมีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการโจมตีตอบโต้นี้” เขากล่าว
ภาพ: Ukrainian Presidency / Handout / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: