Volkswagen ขอไม่เล่นกับสงครามหั่นราคา EV ในตลาดจีนตามแบบ Tesla หลังยอดขายในจีนไตรมาสแรกลดลง ยืนยันขอใช้กลยุทธ์เน้นรายได้จากส่วนต่างมากกว่าด้านปริมาณ พร้อมเผยยอดขายทั่วโลกไม่แผ่ว โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกาเหนือที่เติบโต 42% เดินหน้ามองหา ‘ตลาดใหม่’ ใหม่ในอีกหลายประเทศที่มีศักยภาพลงทุน และสร้างโรงงานแบตเตอรี่อีกแห่งที่แคนาดา
สำนักข่าว CNN รายงานว่า Volkswagen ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของยุโรป ออกมายอมรับว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในตลาดจีนปรับตัวลดลงในไตรมาสแรก ท่ามกลางการแข่งขันราคาที่รุนแรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ตลาดรถยนต์อีวีแข่งเดือด! ค่าย MG เตรียมเปิดตัว ‘All-New MG4’ ในไทยปลายปีนี้ ราคาเริ่มต้น 1.1 ล้านบาท
- BYD ATTO 3 เปิดตัวราคา 1,199,900 บาท เริ่มรับจอง 1 พ.ย. ส่งมอบได้ทันที 500 คัน พร้อมตั้งเป้าขาย 5,000 คัน สำหรับปีนี้
- เปิดตัว ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ THE NEW BMW i7 ราคาเริ่มต้น 7.59 ล้านบาท วิ่งไกลสุด 625 กม./ชาร์จ
อย่างไรก็ตาม Volkswagen จะไม่มีนโยบายลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด แต่จะเน้นทำรายได้ส่วนต่างมากกว่า
โดยล่าสุด Volkswagen ได้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าไปเเล้วกว่า 141,000 คันในไตรมาสแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และคิดเป็น 7% ของการส่งมอบทั้งหมด
ในขณะเดียวกันยอดขายรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มขึ้น 9% เป็น 55,756 คัน โดยรวมแล้วการส่งมอบเพิ่มขึ้น 7.5% โดยรายได้หลักมาจากการฟื้นตัวของปริมาณการขายในยุโรปและอเมริกาเหนือ สูงขึ้นสวนทางยอดขายที่ลดลงในจีน
ส่วนตลาดรวมยอดขายลดลงเกือบ 15% จากปีที่แล้ว เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วน และยังเผชิญกับการแข่งขันของตลาด EV ที่ดุเดือดและรุนแรงขึ้น
รายงานข่าวระบุอีกว่า Volkswagen ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าน้อยกว่าปีที่แล้วประมาณ 25% แก่ลูกค้าในจีน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบจาก ‘สงครามราคา’ และแรงกดดันเรื่องนี้มีจุดเริ่มต้นมาจาก Tesla
โดยจะเห็นได้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Tesla ได้ลดต้นทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทที่เคยต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา แล้วหันมาลดราคา โดยรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงมีราคาถูกกว่าในช่วงเริ่มต้นของปี และซีอีโอ อีลอน มัสก์ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ปฏิเสธแนวโน้มแผนธุรกิจที่ยังยึดกลยุทธ์นี้ต่อไป
ในทางกลับกัน Volkswagen ระบุชัดว่า ไม่มีแผนที่จะทำตาม Tesla และจะมุ่งเน้นไปที่รายได้จากส่วนต่างรายได้ของธุรกิจมากกว่าด้านปริมาณ”
อย่างไรก็ตาม การส่งมอบรถซึ่งรวมถึงรถยนต์ไฟฟ้าในจีนปีนี้อาจฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของตลาดรถยนต์โดยรวม อาร์โน แอนท์ลิตซ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวกับ CNN
อีกทั้ง Volkswagen เองก็เริ่มเดินหน้าผลิตแบตเตอรี่ โรงงานหลัก 2 แห่งในยุโรป คือ เยอรมนีและสเปน อีกทั้งยังมีแคนาดาเป็นอีกสถานที่ตั้งของโรงงานแห่งที่ 3 ที่วางไว้
นอกจากนี้บริษัทกำลังหารือกับ ‘หลายประเทศ’ ที่มีศักยภาพการลงทุนอีกมาก
สำหรับยอดขาย Volkswagen ในอนาคตยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งมียอดสั่งซื้อคงค้างอยู่ที่ 1.8 ล้านคันในยุโรปตะวันตกเพียงอย่างเดียว รวมถึงรถยนต์ไฟฟ้า EV 260,000 คัน โดยมองว่าแนวโน้มที่ดีส่วนหนึ่งมาจากรายงานตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่สอดคล้องกับรายงานเมื่อเดือนที่แล้วจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศในปารีสที่ระบุว่า คาดว่ายอดขายรถยนต์ EV ยุโรปจะเติบโต 35% ในปีนี้เป็น 14 ล้านคัน หรือคิดเป็นส่วนแบ่ง 18% ของตลาดรถยนต์โดยรวม
ขณะที่รายรับในไตรมาสแรกของ Volkswagen เพิ่มขึ้น 22% จากปีที่แล้ว เป็น 7.6 หมื่นล้านยูโร (8.4 หมื่นล้านดอลลาร์) กำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 5.7 พันล้านยูโร (6.3 พันล้านดอลลาร์) จาก 8.3 พันล้านยูโร (9.2 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงก่อนหน้า โดยมีปัจจัยจากผลกระทบแผนของการป้องกันความเสี่ยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์
จับตาความร่วมมือจีน-เยอรมนี เสริมแกร่ง เติมเต็มช่องว่างของกันและกัน
ก่อนหน้านี้สำนักข่าว Global Times รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีนได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงและตัวแทนผู้นำภาคเอกชนของเยอรมนีช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการดำเนินการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในระดับทวิภาคี การรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งการยกระดับความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) พลังงานใหม่ และเศรษฐกิจดิจิทัล
นักวิชาการและนักวิเคราะห์หลายฝ่ายต่างมองว่า การที่จีนซึ่งเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานใหม่และการเชื่อมต่ออัจฉริยะ ขณะที่เยอรมนีมีความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมและการสร้างเครื่องยนต์ที่แม่นยำ
ดังนั้นในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์พลังงานใหม่ จีนและเยอรมนีต่างก็มีส่วนเสริมที่แข็งแกร่งที่จะเติมเต็มช่องว่างของกันและกัน อย่างการที่ผู้ผลิตรถยนต์เยอรมนีทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์จีน น่าจะเป็นสัญญาณบวกที่จะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนพบว่า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของเยอรมนีเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน และเยอรมนีเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีนในยุโรปเป็นเวลา 48 ปีติดต่อกัน
ขณะที่การลงทุน 2 ทางระหว่าง 2 ประเทศ มีมูลค่าสูงถึง 5.14 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ และภายในปี 2022 มีบริษัทเยอรมนีกว่า 5,000 แห่งเข้าไปลงทุนในจีน และบริษัทจีนอีกกว่า 2,000 แห่งที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในเยอรมนี
โดยจะเห็นว่ายักษ์ใหญ่วงการรถยนต์อย่าง Volkswagen Group ประกาศแผนการลงทุน 10,000 ล้านยูโร เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อจัดตั้งบริษัทใหม่ในเมืองเหอเฟย มณฑลอันฮุย ทางตะวันออกของจีน เพื่อเร่งการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรมเกี่ยวกับยานยนต์อัจฉริยะ
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ และเมื่อ Volkswagen เข้ามาจัดตั้งบริษัทใหม่ดังกล่าว อาจเป็นไปได้ว่าอนาคตอันใกล้ Volkswagen อาจใช้โอกาสนี้พัฒนา EV เพื่อสร้างแต้มต่อในการทำตลาดจีน
อ้างอิง: