วันนี้ (27 เมษายน) เอกราช อุดมอำนวย สส. เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า จากการที่บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ประกาศปิดกิจการในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ พร้อมเลิกจ้างพนักงานประมาณ 200 คน หลังดำเนินธุรกิจสื่อมากว่า 15 ปี
ตนเองในฐานะเคยประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ทั้งสถานีโทรทัศน์ไอทีวี สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และสถานีโทรทัศน์วอยซ์ ทีวี โดยเคยทำงานในรายการข่าวของวอยซ์ ทีวี ในสมัย ประทีป คงสิบ เป็นผู้อำนวยการสถานี เช่น Tonight Thailand ร่วมกับ ลักขณา ปันวิชัย, พรรณิการ์ วานิช และ ว่าที่ ร.ต. ภคพงศ์ อุดมกัลยารักษ์ รู้สึกเห็นใจพนักงานระดับปฏิบัติการที่ได้รับผลกระทบจากการถูกเลิกจ้างครั้งนี้ เพราะเคยประสบเหตุการณ์ถูกเลิกจ้างเช่นนี้ในสมัยไอทีวี จึงมีความเข้าใจและเห็นใจเป็นอย่างมาก
จากผลกระทบด้านเทคโนโลยีสื่อที่เปลี่ยนไป รวมทั้งผลจากธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่แค่วอยซ์ ทีวี แต่ยังมีอีกหลายองค์กรสื่อที่มีการเลิกจ้างหรือปลดพนักงาน ลดพนักงาน เช่น ไทยไท แชนแนล หรือ บลู สกาย แชนแนล รวมทั้งองค์กรสื่อทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย เนื่องจากเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือกลัวเสียชื่อเสียง
เอกราชกล่าวอีกว่า ตนจึงขอให้ทางบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด รวมทั้งองค์กรสื่อที่มีการเลิกจ้างพนักงานได้ดูแลพนักงานตามกฎหมายแรงงาน และเพิ่มเติมตามความเหมาะสมในฐานะที่พนักงานเคยร่วมทำงาน สร้างความสำเร็จ มีความรักและความผูกพันในองค์กร เพื่อให้พนักงานได้มีการเงินเลี้ยงชีพและตั้งตัวในระหว่างการหางานทำหรือประกอบอาชีพใหม่
รวมทั้งขอให้ทางกระทรวงแรงงาน ทั้งกรมการจัดหางานและสำนักงานประกันสังคม ได้เข้าไปดูแลการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาจากทางบริษัท และจากกองทุนประกันสังคม รวมทั้งการจัดหางาน การฝึกอาชีพ ให้ตามความเหมาะสม
เอกราชกล่าวอีกว่า ตนอยากให้คนในสังคมอย่าได้ซ้ำเติมหรือต่อว่าพนักงานโดยเฉพาะระดับปฏิบัติการที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ที่หาเช้ากินค่ำ รับเงินเดือนเพื่อเลี้ยงชีพและดูแลครอบครัว เพราะบุคคลเหล่านี้จำเป็นต้องทำงานหาเลี้ยงชีพสุจริต ทำงานตามหลักวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพราะจนเชื่อว่าไม่มีใครอยากตกงาน ต้องหางานทำใหม่ ซึ่งมีผลกระทบไม่ทั้งกับตัวเองและส่งผลต่อครอบครัวอีกด้วย
“ขอให้วางอคติอย่ามองหรือตัดสินจากองค์กรสื่อจากการนำเสนอ หรือความคิดทางการเมือง หรือความเห็นความคิดที่ต่างจากตนเอง แต่ขอให้มองที่คนทำงาน พนักงานระดับปฏิบัติการที่ได้รับผลกระทบมากกว่า” เอกราชกล่าว
เอกราชกล่าวอีกว่า ตนขอฝากไปยังองค์กรวิชาชีพสื่อในการดูแลหรือหาทางช่วยเหลือเพื่อนร่วมวิชาชีพให้ได้มีงานทำ หรือได้กลับมาประกอบอาชีพ โดยไม่ขาดตอนหรือต้องสะดุดจนส่งผลกระทบต่อตนเองและครอบครัวต่อไป