ต้องขอสารภาพก่อนเลยว่าเราเป็นแฟนเกิร์ลของ เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษ เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าที่เข้าวงการมาตั้งแต่เด็ก ผลงานที่ทุกคนน่าจะจำได้คือ The Boy in the Striped Pyjamas (2008), Hugo (2011) และ Ender’s Game (2013) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเอซากระโดดมาเล่นซีรีส์กับ Netflix ใน Sex Education
Sex Education เป็นซีรีส์คอเมดี้ดราม่าสัญชาติอังกฤษ จาก Netflix ที่เล่าเรื่องวัยรุ่น Coming of Age ที่เล่าเรื่องเพศ เซ็กซ์ และความสัมพันธ์ เป็นเรื่องราวของ โอทิส (เอซา บัตเตอร์ฟีลด์) เด็กหนุ่มวัยรุ่น โดยได้รับอิทธิพลความรู้เรื่องเพศมาจากคุณแม่ (จิลเลียน แอนเดอร์สัน) ที่เป็นนักบำบัดทางเพศ
และเราก็ดีใจมากที่ Netflix ชวนไปเยี่ยมกองถ่าย Sex Education ซีซัน 2 ที่เมืองเพนาร์ท เวลส์ สหราชอาณาจักร ช่วงเดือนสิงหาคม 2019 ที่ผ่านมา แถมยังเป็นสื่อเดียวจากประเทศไทยอีกด้วยที่ได้มาเยี่ยมกองถ่ายในครั้งนี้ ซึ่งก็ถือว่าพิเศษมาก และเหมือนทุกเรื่องของ Netflix มีความเข้มงวดและมาตรการต่างๆ ที่ต้องตามทุกกระเบียดนิ้ว เพราะหากเนื้อหาอะไรหลุดออกมาก็ถือว่าจะสร้างความเสียหาย ยิ่งถ้าเป็นซีรีส์ที่มีฐานแฟนคลับมหาศาลรอติดตาม Spoilers ต่างๆ อย่างเรื่องนี้
ON LOCATION
เราเดินทางมาถึงโลเคชันของการถ่ายทำ Sex Education ที่นั่นเป็นโบสถ์และห้องโถงกว้าง ซึ่งใช้เป็นโลเคชันของห้องประชุมของโรงเรียนมัวเดล
จอน เจนนิงส์ (Jon Jennings) โปรดิวเซอร์คนสำคัญของ Sex Education เล่าให้ฟังถึงแนวคิดของโลเคชันที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์ว่า “เรารู้ว่าเราไม่ควรจะถ่ายทำที่ลอนดอน ไม่ควรจะอยู่ในลอนดอนแน่ๆ เราอยากให้มันแตกต่างจากซีรีส์อี่นๆ เล่าเรื่องวัยรุ่นที่ไม่ได้อยู่ในเมือง อยู่ใกล้ๆ ป่า เราหาโลเคชันกันเยอะเหมือนกัน มีการรีเสิร์ชพื้นที่เมืองในป่า ซึ่งไอเดียแรกเกือบจะไปถ่ายที่เดนมาร์กแล้ว แต่พอรู้ว่ากาแฟแก้วละเท่าไร ก็ต้องล้มเลิกไอเดียไป
“จนกระทั่งเรามาเจอโลเคชันหลักที่จะใช้ถ่ายทำเป็นโรงเรียนมัวเดล ซึ่งเป็นแคมปัสเก่าของมหาวิทยาลัย South Wales in Caerleon ในนิวพอร์ต หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ แตกสถานที่ออกมาเป็นสะพาน บ้านของจีน หลังจากนั้นเราก็ต้องวาดแผนที่เพื่อเชื่อมสถานที่ทั้งหมดให้มันแมตช์กับเรื่อง”
กองถ่ายในวันนี้เป็นซีนห้องโถง (Assembly Hall) ของโรงเรียน ซึ่งแคมปัสโลเคชันหลักไม่มีห้องโถงที่ทีมงานอยากได้ ทีมงานพาเราเข้าไปดูห้องโถงที่ใช้ถ่ายทำในฉากที่นักเรียนซึ่งอยู่ชมรมประสานเสียงกำลังร้องเพลงอะแคปเปลลาบนเวที โดยมีนักแสดงวัยรุ่นร่วมประกอบเซตกว่า 100 คน ทั้งนักเรียน คุณครู ซีนที่ทีมงานพาเราไปดูโปรดิวเซอร์คนเดิมเล่าให้ฟังว่า “นี่คือซีนแรกและซีนสุดท้ายของเอพิโสด 1 ในซีซัน 2”
THE INTERVIEW
หลังจากนั้นก็เป็นคิวของการสัมภาษณ์ เรารอนักแสดงอย่างใจจดใจจ่อ เอซา (รับบท โอทิส) เดินเข้ามาพร้อมกับ เอ็นคูติ (รับบท อีริค) หลังจากนั้นนักแสดงนำในเรื่องก็เข้ามาทักทายและให้เราสัมภาษณ์ โดยพวกเขาแต่งตัวตามคาแรกเตอร์ เพราะทีมงานบอกว่าอีกสักพักพวกเขาอาจจะต้องเข้าฉาก
โดยเท้าความไปตอนจบซีซันแรก โอทิสกำลังจะมีแฟน และเผยให้เห็นปมบางอย่างภายในใจของโอทิสว่า ทำไมเขาถึงไม่กล้าสัมผัสตัวเอง ส่วนอีริคที่มีครอบครัวที่ซัพพอร์ตตัวตนของเขา จนเขาตัดสินใจเป็นตัวของตัวเองจนไปสะดุดใจอดัมเข้าอย่างจัง
…เรากดเครื่องอัดเสียงแล้วบทสนทนาก็เริ่มขึ้น
ตัวละครสองตัวนี้เติบโตขึ้นอย่างไรบ้าง แล้วมิตรภาพของพวกเขาจะไปทางไหน
เอซา (รับบท โอทิส): เราสนิทกันมากกว่าซีซันที่แล้วมาก หลังจากทำงานด้วยกันมาแล้ว อย่างซีซันแรกมันก็มีขลุกขลักบ้าง ตอนนี้เราสนิทกันแล้ว แต่ในซีซันนี้เราทั้งสองคนกำลังก้าวไปอีกขั้นในเรื่องเกี่ยวกับ Sex Journey ผมมีแฟน ส่วนอีริกก็มีผู้ชายหลายๆ คนเข้ามาเกี่ยวพันด้วย
เอ็นคูติ (รับบท อีริค): แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน เราก็จะดูแลกันเสมอ นี่คือความเป็นเพื่อนของพวกเรา โดยในซีซันนี้ก็จะมีเส้นเรื่องที่เล่าลึกไปในดีเทลส่วนตัวของแต่ละคนมาขึ้น ดังนั้นคุณจะได้เรียนรู้แต่ละคาแรกเตอร์มากขึ้น จะเข้าใจตัวละครมากขึ้นว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น ตัดสินใจแบบนั้น
พวกคุณเรียนรู้อะไรบ้างจากการแสดง
เอซา: ในการเป็นนักแสดงคุณต้องใส่ใจกับคาแรกเตอร์มาก เพื่อให้เราแสดงให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่อย่างนั้นมันก็จะเหมือนเราหักหลังตัวละคร อย่างโอทิสเองก็ได้เรียนรู้เยอะมากในเรื่อง Sexual Issue และ Mental Issue ซึ่งผมก็ต้องเรียนรู้เหมือนกัน
ฟีดแบ็กจาก Sex Education ซีซันแรกเป็นอย่างไร
เอซา: โชคดีที่ไม่มีแฟนเมลเล่าเรื่องส่วนตัวให้ผมฟัง แต่ Sex Education มันเปิดโอกาสให้ทุกคนเห็นว่า ทุกคนสามารถพูดเรื่องเพศหรือเรื่องเซ็กซ์กันได้ หลายคนเข้ามาบอกว่า เขาเห็นตัวเองในคาแรกเตอร์เหล่านี้ โดยเฉพาะวัยรุ่น เรื่อง Sex Issue หรือ Relationship Issue บางเรื่องที่ตัวเองหรือคนรอบข้างต้องเจอ การที่เขาเจอเรื่องพวกนี้ในซีรีส์ ทำให้เขารู้ว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องปกติ ทำให้เขารู้สึกไม่เป็นคนนอกคอก หรือแปลกแตกต่างจากคนอื่น
เอ็นคูติ: ในงาน LGBT Community Color ที่ลอนดอน หลายคนเข้ามาคุยกับผมเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอีริกและพ่อของเขาที่สวยงามมาก ซึ่งผมคิดว่าเรื่องนี้มันแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง และด้วยความที่ซีรีส์มีความคอเมดี้ บางฉากที่เราเคยทำได้ดีในภาคแรก โดยเฉพาะฉากที่ตลกมากๆ มันก็จะมีความกดดันเข้ามาว่า เราตลกมากพอหรือเปล่า
หลังจากทีมงานเรียกเอซาและเอ็นคูติไปเข้าฉาก ก็ได้เวลาเดียวกับที่ เอ็มมา แม็คคีย์ (รับบท เมฟ) และ คีดาร์ วิลเลียมส์-สเตียร์ลิง (รับบท แจ็กสัน) จะได้พูดคุยกับพวกเรา ย้อนกลับไปในซีซันแรก เรารู้จักแบ็กกราวด์ครอบครัวของสองตัวละครนี้ไม่น้อย อย่างเมฟก็มีพี่ชายที่มักจะหาเรื่องมาให้เธอเสมอ ส่วนแจ็กสันก็มีแม่สองคนที่ตั้งความหวังไว้กับเขามากเสียจนเขาหลงลืมว่าตัวเองชอบอะไร
แล้วคุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการพัฒนาของตัวละคร
เอ็มมา (รับบท เมฟ): คุณจะรู้สึกได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วย บางเรื่องเราก็ไม่รู้เลย อย่าง Sex Issue หรือ Mental Issue มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้เรียนในโรงเรียนเลย คุณจะกลายเป็นคนที่เข้าใจ แล้วก็เปิดใจให้กับบทสนทนาต่างๆ ในเรื่องเพศหรือเรื่องความสัมพันธ์มากขึ้น
คุณคิดว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้ Sex Education ประสบความสำเร็จขนาดนี้
คีดาร์ (รับบท แจ็กสัน): ผมคิดว่าทั้งเรื่องราวที่น่าติดตาม และบทสนทนาที่เล่าว่า คุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ เรื่องเพศหรือเรื่องเซ็กซ์สามารถพูดได้ มีคาแรกเตอร์มากมายในหลากหลายสถานการณ์ให้เรียนรู้ แล้วมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องวัยรุ่น มันมีหลายๆ เจเนอเรชันในเรื่องด้วย เรื่องของพ่อแม่ ความเป็นผู้ปกครอง ความสัมพันธ์แบบผู้ใหญ่ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้
เอ็มม่า : Sex Education มีคาแรกเตอร์ที่หลากหลายมาก มันนำเสนอเรื่องที่โมเดิร์น เป็นเรื่องที่อยู่ในยุคนี้ และนำเสนอในมุมที่สนุก ตลก แต่ก็มีความรู้ มีข้อมูลจริงๆ ที่เล่าในนั้น
คู่สุดท้ายที่แวะเวียนมาคุยกับเราคือ เอมี ลู วูด รับบท เอมี กับลอนม้วนผมอันโตเต็มศีรษะ เพราะก็เตรียมที่จะเข้าฉากเช่นกัน เสียงของเอมีสดใสร่าเริง และมีชีวิตชีวามาก จากซีซันแรก เอมีเป็นตัวละครที่อยู่ในกลุ่มสาวๆ Mean Girls ที่โรงเรียน แต่ตอนท้ายๆ ของซีซันเธอตัดสินใจออกจากกลุ่มนั้นแล้วมาเป็นเพื่อนกับเมฟ
และ คอนเนอร์ สวินเดลล์ส รับบท อดัม ที่ผมตัดสั้นเกรียน เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงสีครีมอ่อนกับท่าทางสุขุม อดัมเป็นตัวละครที่คนดูเห็นแบ็กกราวด์ชีวิตหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องพ่อ หรือ มิสเตอร์กรอฟฟ์ ครูใหญ่ของโรงเรียนมัวเดล กับการเลี้ยงดูที่อาจจะทำให้อดัมกำลังหลงทาง
ฟีดแบ็กในคาแรกเตอร์เป็นอย่างไรบ้าง
คอนเนอร์ (รับบท อดัม): ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นบวก ผมคิดว่าหลายคนรีเลทกับคาแรกเตอร์นี้มาก ในซีซันนี้จะเล่าเรื่องความสัมพันธ์กับพ่อ ผมรู้ว่าคนหลายคนอาจจะเติบโตมาโดยไม่มีต้นแบบที่ดี ไม่ก็ต้นแบบผิดๆ ที่ทำให้เขามีบุคลิกแบบนั้นไปเลย การที่อดัมมีพ่อแบบนี้ มันส่งผลกับตัวของเขามาก
เอมี (รับบท เอมี): เธอเติบโตขึ้นมาก แล้วก็เรียนรู้อะไรมากมาย ความสัมพันธ์กับเมฟก็มากขึ้น เพราะว่าเธอก็เป็นอิสระจากกลุ่ม Mean Girls แล้ว
เอมีเป็นคนที่ต้องการให้ทุกคนมีความสุข ไม่ว่าเธอจะมีวันที่แย่ขนาดไหน แต่ก็จะทำตัวสดใส และที่สำคัญคือเธอเป็นคนมีเซนส์ว่าใครรู้สึกแย่อยู่ เธอจะคอยถาม คอยปลอบตลอด แต่เธอเป็นคนที่ไม่ได้อยากจะพูดเรื่องตัวเองเท่าไร อย่างซีซันแรกก็ไม่ได้รู้จักเธอมากนัก
แล้วเรื่องนี้มันส่งผลกับคุณอย่างไรบ้าง
คอนเนอร์: มันทำให้ผมคิดเรื่องความสัมพันธ์ของตัวเองหลายเรื่อง ถ้าพูดกันตรงๆ ความสัมพันธ์กับครอบครัว ก็ย้อนกลับไปมองตัวเองตอนวัยรุ่น
เอมี: หลายอย่างเรื่องเพศ มันไม่ได้มีการพูดกันเลยกับกลุ่มเพื่อนหรือพื้นที่สาธารณะ หลายคนเข้ามาพูดกับฉันต่อหน้าเลยว่าหลายครั้งมากที่พวกเขาก็แกล้งทำ แสดงว่าสำเร็จความใคร่แล้ว มันเป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่จากซีรีส์เรื่องนี้มีผู้หญิงหลายคนมากที่มาคุยกับเราเรื่องนี้
ทำไมเรื่องนี้ถึงประสบความสำเร็จขนาดนี้
เอมี: ในอดีต หนังหรือซีรีส์ที่เล่าเรื่องเซ็กซ์จะค่อนข้างสมูทมาก ดูดี เท่ สวยงาม ซึ่งมันฝังความคิดนี้เข้าไปว่า นี่คือเซ็กซ์แบบที่เราจะเจอ แต่มันก็ไม่เหมือนกับที่เราเจอเองอยู่ดี เรื่องพวกนี้มันผิดเพี้ยนไปหมดเลย เราไม่เคยเจอเรื่องแย่ๆ บทจอทีวี ซึ่ง Sex Education มันดีที่เห็นความจริงที่ไม่สวยงามในฉากเซ็กซ์ต่างๆ เรื่องผิดพลาดทั้งหลาย Sex Education มันนำเสนอความจริง
หลังจากสัมภาษณ์ เรารู้สึกได้ถึงความเป็นกันเองของนักแสดงทุกคน และเคมีที่เข้ากันของเหล่านักแสดง โปรดิวเซอร์เข้ามาทักทายเราอีกครั้ง และชวนเรารับประทานอาหารของกองถ่าย กับทีมงานและนักแสดงทุกคนที่หน้าโลเคชัน ที่ที่มีต้นไม้ต้นใหญ่และลานหญ้ากว้าง ช่วงเวลานิ่งเงียบนี้ทำให้ย้อนนึกถึงประสบการณ์ทั้งหมดตั้งแต่การนั่งเครื่องบินกว่า 12 ชั่วโมงมาอีกซีกโลกหนึ่ง การได้คุยกับนักแสดงหลัก การได้เห็นทีมงานและโปรดักชันระดับโลก นี่คือประสบการณ์ที่เราจะไม่มีวันลืม
ใครอ่านบทความนี้จบ ลองคลิกดูทีเซอร์ Sex Education ซีซัน 2 ได้ที่นี่ และรอชมซีซัน 2 เต็มๆ 8 ตอนได้ในวันที่ 17 มกราคม 2020 พร้อมกันทั่วโลก