“Visa ไม่ต้องการให้ AI ยุคใหม่แค่ช่วยวางแผนวันหยุดและโรงแรมที่ควรพักเท่านั้น แต่ต้องการให้ AI จ่ายเงินแทนได้เลย”
ด้านหน้าของ Visa Innovation Center สถานที่จัดงาน ‘Visa Asia Pacific Media Showcase 2025’
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 THE STANDARD WEALTH ได้รับเชิญให้เข้าร่วมงาน ‘Visa Asia Pacific Media Showcase 2025’ ที่จัดขึ้น ณ ประเทศสิงคโปร์ Visa ชูชุดนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และความร่วมมือใหม่ๆ โดยส่วนหนึ่งเป็นการพัฒนาให้ AI เป็นมากกว่าเพื่อนคู่คิด สามารถช่วยทำธุรกรรมการเงินจนไปถึงการชำระเงินให้เกิดขึ้นจริง พลิกโฉมการค้าให้มีความรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น
Jack Forestell, Chief Product and Strategy Officer ของ Visa พูดถึงอิทธิพลของ AI ที่พัฒนาโลกของธุรกรรมการเงินให้ก้าวไปอีกขั้น
Visa Intelligent Commerce เปลี่ยนศักราชใหม่ของการค้าในเอเชีย-แปซิฟิก
งานในครั้งนี้ Jack Forestell, Chief Product and Strategy Officer ของ Visa เน้นให้เห็นว่า การค้าในโลกดิจิทัลที่ใช้ AI จะเปลี่ยนแปลงวิธีที่ผู้บริโภคในภูมิภาคค้นหาและซื้อสินค้าและบริการอย่างมีนัยสำคัญ ในอนาคตอันใกล้ Visa Intelligent Commerce หรือแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยให้การซื้อ-ขายสินค้าและบริการออนไลน์ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านตัวช่วยที่เรียกว่า AI Agents เป็นตัวช่วย AI ที่สามารถดำเนินการได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่แนะนำสินค้าที่สนใจจนไปถึงการดำเนินธุรกรรมทางการเงินจนจบขั้นการชำระเงิน
ฟีเจอร์หลักของ AI Agents
- AI-Ready Cards: การ์ดที่สามารถใช้เทคโนโลยี เช่น การแปลงเลขบัตรเครดิตเป็นรหัสสุ่ม (Tokenization) และการยืนยันตัวตนก่อนทำธุรกรรม (Authentication) เพื่อป้องกันการฉ้อโกงและเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรม
- การปรับแต่งให้ตรงตามความต้องการ: AI จะช่วยให้ข้อมูลการใช้จ่าย เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะสมกับผู้ใช้
- การชำระที่สะดวกและความปลอดภัย: ผู้ใช้สามารถกำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่าย มีระบบที่สามารถตรวจสอบธุรกรรมอย่างเรียลไทม์
แพลตฟอร์มนี้จะเกิดขึ้นได้จริงเมื่อมีการร่วมมือกันระหว่าง Agent APIs ของ Visa และ Partner Program ต่างๆ ซึ่งทุกวันนี้ Visa ทำงานร่วมกับพันธมิตรชั้นนำของโลก AI ได้แก่ Anthropic, IBM, Microsoft, OpenAI, Perplexity, Stripe, Samsung รวมถึงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มีการหารือกับ Ant International, Grab และ Tencent เพื่อขยายระบบการค้าด้วย AI ที่มีประสิทธิภาพและประสบการณ์การชำระเงินแบบไร้รอยต่อมากขึ้น
Visa คาดการณ์ว่าอนาคตอันใกล้ ผู้ใช้งานจะอนุญาตให้ AI Agents สามารถค้นหา เลือก แล้วก็สั่งซื้อสินค้าได้เลย และ Agent เหล่านี้จะต้องได้รับความไว้วางใจจากระบบชำระเงิน ธนาคาร ผู้ขายด้วย ไม่ใช่แค่ผู้ซื้อฝั่งเดียว
T.R. Ramachandran, Head of Products and Solutions, Asia Pacific ชูนวัตกรรมที่จะทำให้การชำระเงินมีความปลอดภัยมากขึ้น
6 นวัตกรรมใหม่เชื่อมต่อระบบการชำระเงินแบบไร้รอยต่อ
นอกจาก Visa Intelligent Commerce ที่ได้พูดถึงในงานครั้งนี้ T.R. Ramachandran, Head of Products and Solutions, Asia Pacific ของ Visa ยังพูดถึงอีก 6 ผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ๆ ที่พัฒนาขึ้น และเริ่มใช้งานแล้วร่วมกับพาร์ตเนอร์ในหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
“ทุกวันนี้เรามีการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า และอัตราการอนุมัติธุรกรรมที่ลดลงถึง 6% ในระดับโลกถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ทำให้เราต้องพัฒนาเครื่องมือป้องกันปัญหาเหล่านี้” T.R. Ramachandran กล่าว
หนึ่งในการแก้ปัญหาคือ การพัฒนา Digital Identity หรือระบบยืนยันตัวตนของผู้ใช้ในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยมีการพัฒนาทั้งระบบแปลงเลขบัตรเครดิตเป็นรหัสสุ่ม (Tokenization) เพิ่มการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมเพิ่มเติม หรือใช้เทคโนโลยีชีวมิติ (Biometric) เช่น การสแกนใบหน้า หรือลายนิ้วมือ ซึ่งเพิ่งเปิดตัวการจ่ายเงินด้วยฝ่ามือ (Palm Payment) นำร่องที่ประเทศสิงคโปร์ไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาการใช้ Passkeys เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์ให้มีมากขึ้น โดยปัจจุบันได้พาร์ตเนอร์ใหม่อย่างซูเปอร์มาร์เก็ต Coles (ออสเตรเลีย) และ Maybank (มาเลเซีย) ในการร่วมโครงการนี้
ภาพส่วนหนึ่งของแพลตฟอร์ม Visa Intelligent Commerce ที่จะช่วยออกแบบตั้งแต่การเลือกซื้อของจนถึงชำระเงินได้ง่ายเพียงคลิกเดียว
นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น
- Flex Credential: บัตรแบบใหม่ที่ให้ผู้ถือบัตรสามารถสลับระหว่างโหมดเดบิต เครดิต และแต้มสะสมได้ เปิดตัวครั้งแรกในญี่ปุ่นร่วมกับ SMBC และ SMCC (Olive) โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานแล้วกว่า 5 ล้านบัญชี รวมถึงธนาคารใหญ่ในเวียดนาม เช่น ACB, VIB, VP Bank ก็กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้
- Stablecoin: Visa กำลังขยายบริการบัตรที่รองรับเงินดิจิทัลประเภท Stablecoin ในการชำระเงินให้มีมากขึ้น โดยบัตรชำระเงินจะสามารถเชื่อมกับยอดเงิน Stablecoin และแปลงค่าแบบเรียลไทม์เมื่อใช้งาน โดยปัจจุบันร่วมมือกับ DCS Singapore, DTC Pay และ StraitsX เพื่อเปิดใช้งานการซื้อและใช้จ่ายด้วย Stablecoin ผ่านบัตร Visa
- Visa Tokenized Asset Platform (VTAP): แพลตฟอร์มใหม่ของ Visa ที่เปิดให้พันธมิตรสามารถออกโทเคนที่อิงกับสกุลเงิน เชื่อมต่อกับบล็อกเชนภาครัฐและเอกชน และรองรับการเงินที่ตั้งโปรแกรมได้
- Visa Pay: บริการที่เชื่อมต่อกระเป๋าเงินดิจิทัลใดๆ กับร้านค้าที่รับบัตร Visa ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยร่วมมือกับ LINE Pay (ไต้หวัน), Maya (ฟิลิปปินส์), OpenRice (ฮ่องกง), Woori Card (เกาหลีใต้)
- Visa Accept: โซลูชันที่ช่วยผู้ขายรายย่อยสามารถรับการชำระเงินด้วยสมาร์ทโฟนทุกรุ่นที่รองรับ NFC ผ่านบัตร Visa โดยตรง เพื่อช่วยส่งเสริมผู้ค้ารายย่อย เช่น พ่อค้าแม่ค้าอิสระ ตลาดนัด แผงลอย โดยจะมีการเริ่มใช้งานจริงครั้งแรกในภูมิภาคกับธนาคาร ACB, Sacombank และ VP bank ธนาคารใหญ่ของประเทศเวียดนามภายในปีนี้
ภาพ: VISA