×

เวียดนามเมินข้อเรียกร้องญี่ปุ่นและ Honda ที่ขอเวลาเปลี่ยนผ่าน 2-3 ปี ยืนยันเดินหน้าแบนมอเตอร์ไซค์น้ำมันในฮานอยในปี 2026 เพื่อแก้ปัญหามลพิษ

27.10.2025
  • LOADING...
เวียดนามเมินข้อเรียกร้อง ญี่ปุ่น และ Honda ที่ขอเวลาเปลี่ยนผ่าน 2-3 ปี ยืนยันเดินหน้าแบนมอเตอร์ไซค์น้ำมันในฮานอยในปี 2026 เพื่อแก้ปัญหามลพิษ

รัฐบาลญี่ปุ่นและกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศได้ออกมาแสดงความกังวลอย่างรุนแรงต่อเวียดนาม เกี่ยวกับแผนการห้ามใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินในกรุงฮานอย โดยเตือนว่าอาจนำไปสู่การสูญเสียงานจำนวนมากและสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดที่มีมูลค่าสูงถึง 4.6 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท) ซึ่งปัจจุบันถูกครอบงำโดย Honda

 

บทความ Exclusive จาก Reuters รายงานว่า ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงห์จิ๋ง (Pham Minh Chinh) ของเวียดนาม ได้ออกคำสั่งห้ามรถจักรยานยนต์น้ำมันเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวงตั้งแต่กลางปี 2026 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรง และคาดว่าจะมีการขยายข้อจำกัดให้กว้างขึ้นในปี 2028 รวมถึงนำไปใช้ในเมืองอื่นๆ ต่อไป

 

สถานทูตญี่ปุ่น ณ กรุงฮานอย ได้ส่งจดหมายถึงทางการเวียดนาม (โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าส่งไปในเดือนกันยายน) เพื่อตอบโต้คำสั่งดังกล่าว โดยระบุว่าการแบนอย่างกะทันหันอาจ ‘ส่งผลกระทบต่อการจ้างงานในอุตสาหกรรมสนับสนุน’ เช่น ตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วน สถานทูตยังได้เรียกร้องให้ทางการเวียดนามพิจารณาแผนงานที่เหมาะสมสำหรับการเปลี่ยนผ่าน

 

ตลาดรถสองล้อของเวียดนามถือเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดย Mordor Intelligence บริษัทวิจัยตลาด ประเมินมูลค่าไว้ที่ 4.6 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และมีจำนวนรถจักรยานยนต์ที่จดทะเบียนสูงถึงเกือบ 80% ของประชากร 100 ล้านคน ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการครอบครองที่สูงที่สุดในโลก ทำให้แผนการแบนครั้งนี้ส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

กลุ่มการค้าหลักของผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ต่างชาติในเวียดนาม ซึ่งนำโดย Honda และรวมถึง Yamaha กับ Suzuki ก็ได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลเวียดนามในเดือนกรกฎาคมเช่นกัน โดยเตือนว่าคำสั่งแบนอาจนำไปสู่ ‘การหยุดชะงักของการผลิตและความเสี่ยงในการล้มละลาย’ ของบริษัทต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทาน

 

กลุ่มผู้ผลิตระบุว่าคำสั่งแบนอาจมีผลกระทบต่อเนื่อง (spillover effects) ต่อแรงงานหลายแสนคน และอาจสร้างความปั่นป่วนให้กับตัวแทนจำหน่ายเกือบ 2,000 แห่ง และผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกราว 200 ราย พวกเขาเรียกร้องให้มีการกำหนดช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยมี ‘เวลาเตรียมการอย่างน้อย 2-3 ปี’

 

ช่วงเวลาดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตสามารถปรับเปลี่ยนสายการผลิตได้ทัน ขณะเดียวกันก็ต้องมีการขยายเครือข่ายสถานีชาร์จและพัฒนามารตรฐานความปลอดภัยสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าควบคู่กันไปด้วย แต่แหล่งข่าวระบุกับ Reuters ว่าจนถึงขณะนี้ ทางการเวียดนามยังคงปฏิเสธที่จะดำเนินการตามข้อเรียกร้องดังกล่าว

 

รัฐบาลเวียดนามยืนยันว่าคำสั่งแบนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่รุนแรงในฮานอย ขณะที่ทางการนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ ก็ได้ส่งสัญญาณถึงแผนการที่จะจำกัดการใช้ยานยนต์น้ำมันเช่นกัน ส่วนนายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงห์จิ๋ง ได้กล่าวกับผู้บริหารชาวญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคม ว่า การลดการปล่อยมลพิษเป็นปัญหาระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือ

 

Honda ซึ่งครองส่วนแบ่งตลาดรถสองล้อในเวียดนามถึง 80% ด้วยยอดขาย 2.6 ล้านคันเมื่อปีที่แล้ว คือผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดและเป็นผู้นำในการเจรจาต่อรองกับทางการเวียดนาม แหล่งข่าวระบุว่า ในการหารือเป็นการส่วนตัว ผู้แทนของ Honda ถึงกับเปรยถึงความเป็นไปได้ที่บริษัทอาจพิจารณาลดขนาดการผลิตในเวียดนามลงเพื่อตอบโต้

 

อย่างไรก็ตาม Honda ได้ให้ข้อมูลว่ากำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่มีแผนที่จะปิดโรงงาน ปัจจุบัน Honda มีโรงงาน 4 แห่งในเวียดนาม และแบรนด์ของ Honda ก็แข็งแกร่งถึงขนาดที่กลายเป็นคำเรียกแทนรถจักรยานยนต์ในภาษาเวียดนามไปแล้ว

 

แม้ Honda จะเริ่มจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่น CUV e: และ ICON e: ในเวียดนามแล้ว แต่ยอดขายเกือบทั้งหมดก็ยังคงมาจากรถที่ใช้น้ำมันเบนซิน การแบนครั้งนี้จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของบริษัท ซึ่งเห็นได้จากยอดขายที่ ลดลงเกือบ 22% ในเดือนสิงหาคม ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยในเดือนกันยายน

 

สถานการณ์นี้ยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับ Honda มากขึ้น เนื่องจากธุรกิจรถยนต์ของบริษัทก็กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ Honda ต้องพึ่งพิงธุรกิจรถจักรยานยนต์ในฐานะ ‘แหล่งกำไร’ หลักมากยิ่งขึ้น

 

ในทางตรงกันข้าม ยอดขายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าและจักรยานไฟฟ้าของ VinFast บริษัทสัญชาติเวียดนามที่จดทะเบียนในตลาด Nasdaq กลับพุ่งสูงขึ้น 55% แตะระดับเกือบ 70,000 คัน ในไตรมาสที่สองของปีนี้ และผลสำรวจผู้บริโภคโดย Asia Plus ในเดือนกันยายน คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดหลังจากที่คำสั่งแบนมีผลบังคับใช้

 

มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อยอดขายรถยนต์น้ำมันด้วย โดยยอดขายของสมาชิกสมาคมผู้ผลิตยานยนต์เวียดนาม (VAMA) ซึ่งรวมถึงแบรนด์ญี่ปุ่นหลายราย ลดลงถึง 18% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Toyota ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 25% แม้ VAMA จะระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่ก็ยอมรับว่า “ลูกค้าบางส่วนลังเลที่จะซื้อรถใหม่”

 

หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.69 บาท ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2568

 

ภาพ: BigDane / Shutterstock

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising