สภาแห่งชาติเวียดนามได้ลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งสำคัญโดยผู้แทนทั้งหมด 470 คนที่เข้าร่วมประชุมต่างโหวตเห็นชอบ โดยมติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ระบุว่า หน่วยงานบริหารระดับอำเภอทั่วประเทศจะยุติการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป และปรับลดโครงสร้างการบริหารภาครัฐลงเหลือเพียงสองระดับ คือจังหวัดและตำบลเท่านั้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลได้ลดจำนวนกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ จาก 30 แห่งเหลือ 22 แห่งในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงาน 23,000 คน
นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดและรุนแรงในชุดการ ‘ปฏิรูปบริหาร’ ของรัฐบาลเวียดนาม ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อ ‘ลดค่าใช้จ่าย’ ของประเทศลงหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ก่อนหน้านี้สมาชิกสภาฯ ได้ลงมติควบรวมจังหวัดและเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดการตัดลด ‘ตำแหน่งงานรัฐ’ เกือบ 80,000 ตำแหน่ง
เหงียน คัก ดินห์ รองประธานสภาฯ ได้กล่าวถึงมตินี้ว่าเป็น ‘หมุดหมายทางประวัติศาสตร์’ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปประเทศ และวางรากฐานทางรัฐธรรมนูญสำหรับระบบการเมืองที่ ‘กระชับและมีประสิทธิภาพ’ มากขึ้น
เหงียน คัก ดินห์ เน้นย้ำว่า การปฏิรูปครั้งนี้จะปูทางไปสู่การสร้างเวียดนามที่ “ทรงพลังและรุ่งเรือง” ที่ซึ่งพลเมืองใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โต ลัม ผู้นำสูงสุดของเวียดนาม ก็กล่าวว่า การปรับโครงสร้างการบริหารประเทศอย่างรุนแรงนี้เป็นสิ่งจำเป็น หากเวียดนามต้องการบรรลุ ‘พัฒนาประเทศ’ ที่ “รวดเร็ว มั่นคง และยั่งยืน”
คาดว่าหน่วยงานบริหารที่ปรับปรุงใหม่จะ “เปลี่ยนจากการบริหารแบบเฉื่อยชาเป็นการบริการประชาชนอย่างแท้จริง” ลัม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์และบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศกล่าว
ขณะที่รัฐมนตรีมหาดไทย ระบุว่า การปรับโครงสร้างนี้ถือเป็น “การปฏิวัติครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งประเทศ” ในปี 1945 โดยจะมีเจ้าหน้าที่รัฐ 79,339 คน ที่ต้องปรับเปลี่ยนบทบาท ลาออก หรือเกษียณอายุก่อนกำหนด
การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่สบายใจในหมู่เจ้าหน้าที่บางคนในระบบคอมมิวนิสต์ที่การทำงานให้รัฐหมายถึงการมีงานทำตลอดชีวิต เจ้าหน้าที่จังหวัดรายหนึ่งเผยว่าตน “ตกใจและเสียใจ” ที่ต้องออกจากตำแหน่งหลังจากรับราชการมานานกว่า 30 ปี แม้จะได้รับเงินชดเชยหลายพันล้านดอง (ประมาณ 38,000 ดอลลาร์สหรัฐ)
ขณะที่ เหงียน ทังห์ ลอย พลเมืองวัย 52 ปีจากจังหวัดท้ายบิ่ญทางตอนเหนือซึ่งกำลังถูกควบรวม กล่าวว่าตน ‘รู้สึกเศร้ามาก’ ที่ชื่อจังหวัดบ้านเกิดซึ่งสืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่นจะหายไป แม้จะเห็นว่านี่จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทุกคนและพร้อมจะสนับสนุนเต็มที่
นอกจากการปฏิรูปโครงสร้างแล้ว สภาฯ ยังได้ลงมติในกฎหมายอื่นๆ เช่น กฎหมายครู, กฎหมายการจ้างงานฉบับปรับปรุง และกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณา นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการพิจารณามติร่างกฎหมายเกี่ยวกับการยกเว้นค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนในทุกระดับชั้น รวมถึงการขยายการศึกษาปฐมวัยให้ครอบคลุมเด็กอายุ 3-5 ปี โดยรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะจัดหาทรัพยากรทางการเงินเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้
การปฏิรูปโครงสร้างรัฐบาลยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการรณรงค์ ‘การต่อต้านทุจริต’ ครั้งใหญ่ซึ่งกวาดล้างผู้นำธุรกิจและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงหลายสิบคน รวมถึงอดีตประธานาธิบดี 2 คน และรองนายกรัฐมนตรี 3 คน นับตั้งแต่ปี 2021 ความเคลื่อนไหวที่รุนแรงเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาที่ยาวนาน ซึ่งเวียดนามเน้นย้ำถึงเสถียรภาพและความสงบ เพื่อสร้างชื่อเสียงด้านความน่าเชื่อถือที่ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ
ในด้านเศรษฐกิจ เวียดนาม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับโลก มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 7.1% ในปี 2024 และตั้งเป้า 8% ในปีนี้ โดยมีเป้าหมายเป็น ‘ประเทศรายได้ปานกลาง’ ภายในปี 2030 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของประเทศยังคงพึ่งพาการส่งออก และคำขู่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเก็บภาษี 46% กับเวียดนาม ได้ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเจรจาเพื่อลดอัตราภาษีดังกล่าวลง
ภาพ: Andy Soloman / Shutterstock
อ้างอิง: