เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแบรนด์รองเท้ารายใหญ่ระดับโลก Nike, adidas และ PUMA ย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนาม เพราะเป็นประเทศที่ต้นทุนการผลิตต่ำ ทำให้ปัจจุบันเวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรองเท้าแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีการส่งออกไปหลายประเทศรวมถึงตลาดอเมริกาด้วย
ถึงวันนี้แบรนด์รองเท้าระดับโลกต้องรับศึกหนักจากสงครามภาษี หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนามสูงถึง 46% สิ่งที่ตามมาคือต้นทุนของบริษัทผู้ผลิตรองเท้ากีฬาจะปรับตัวสูงขึ้น และเพิ่มความยากในการทำกำไร อาจต้องตัดสินใจขึ้นราคาในที่สุด
สำหรับแบรนด์ Nike นั้นได้เริ่มผลิตในเวียดนามมาตั้งแต่ปี 1995 จนปัจจุบันมีโรงงานผลิตรองเท้าในเวียดนามกว่า 130 แห่ง ซึ่งคิดเป็นครึ่งหนึ่งของการผลิตรองเท้าทั้งหมด เช่นเดียวกับ adidas แบรนด์สัญชาติเยอรมนี ก็มีฐานการผลิตรองเท้าจากเวียดนามถึง 39%
อดัม ค็อคเครน นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank กล่าวว่า ผลกระทบจากนโยบายภาษีของทรัมป์ที่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากเวียดนามถึง 46% จากเดิมอยู่ที่ 20% ถือว่าสูงมาก และอาจส่งผลให้ราคาของรองเท้าที่ส่งออกไปยังตลาดอเมริกาแพงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสินค้าแพงขึ้นในยุคที่เศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ไม่ค่อยจะดี ผู้คนประหยัดค่าใช้จ่าย อาจทำให้การเพิ่มยอดขายและกำไรยากขึ้นไปอีก
แน่นอนว่าบริษัทต่างๆ ต้องพิจารณาหาวิธีลดต้นทุนอื่นๆ หรือหาผู้ผลิตที่มีต้นทุนต่ำกว่า แต่หากบริษัทต้องการย้ายการผลิตไปประเทศอื่น เช่น เม็กซิโก, บราซิล, ตุรกี และอียิปต์ จะต้องใช้เวลาดำเนินการนานถึง 2 ปี
พร้อมย้ำว่าการที่ adidas และ PUMA จะอยู่รอดได้ จะต้องปรับราคาสินค้าในสหรัฐฯ ขึ้นราว 20% เพื่อรักษากำไร โดย adidas เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาด และมีกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถปรับขึ้นราคาได้ง่าย สวนทางกับ PUMA หากขึ้นราคาก็อาจจะมีผลต่อยอดขายเพราะภาพลักษณ์แบรนด์ยังไม่แข็งแกร่งพอ
สุดท้ายแล้วผู้ผลิตรองเท้ากีฬาต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สามารถแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ได้ และหากบริษัทไม่สามารถลดต้นทุนจากการผลิตได้ ก็ต้องตัดสินใจขึ้นราคาเพื่อรักษากำไร แต่ก็ต้องเร่งทำการตลาดเพื่อผลักดันยอดขายไปด้วยเช่นกัน
อ้างอิง: