×

เวียนนาครองแชมป์เมืองน่าอยู่สุดในโลกปี 2018 กรุงเทพฯ อันดับ 132

21.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins read
  • กรุงเทพฯ ครองอันดับ 132 เมืองน่าอยู่สุดในโลก ปี 2018 ลดลง 1 อันดับจากปีที่แล้ว แต่อยู่เหนืออิสตันบูล, มะนิลา, จาการ์ตา, ฉงชิ่ง, มุมไบ
  • เวียนนารั้งตำแหน่งเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก 9 ปีซ้อน ตามมาด้วยซูริก โอ๊กแลนด์ และมิวนิก
  • สิงคโปร์ครองแชมป์เมืองน่าอยู่สุดในเอเชีย ตามมาด้วยโตเกียวและโกเบ
  • กรุงแบกแดดรั้งท้ายเมืองที่มีคุณภาพชีวิตแย่สุดในโลก

กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งมีสมญานามว่า ‘นครหลวงแห่งเสียงดนตรี’ ยังคงรั้งอันดับ 1 เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลกอย่างเหนียวแน่น จากการจัดอันดับ 231 เมืองทั่วโลกของ Mercer ประจำปี 2018 ส่วนซูริกของสวิตเซอร์แลนด์ตามมาเป็นอันดับ 2 โอ๊กแลนด์ของนิวซีแลนด์ และมิวนิกของเยอรมนีครองอันดับ 3 ร่วม ขณะที่กรุงเทพมหานครครองอันดับ 132 ในปีนี้ โดยที่กรุงโซลของเกาหลีใต้และโตเกียวของญี่ปุ่นอันดับร่วงลงจากปีก่อน

 

 

รายงาน Quality of Living ของ Mercer เข้าสู่ขวบปีที่ 20 ในปีนี้ และเช่นเคย Mercer บริษัทที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลกได้สำรวจสภาพความเป็นอยู่ของประชากรในกว่า 450 เมืองทั่วโลก ซึ่งปีนี้มีการจัดอันดับทั้งหมด 231 เมือง โดยวิเคราะห์และประเมินข้อมูลต่างๆ ในช่วงระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายน ปี 2017 ครอบคลุม 39 ปัจจัยใน 10 หมวดใหญ่ๆ ดังนี้

 

  • สภาพแวดล้อมทางการเมืองและสังคม (ดูว่าการเมืองมีเสถียรภาพหรือไม่ เกิดปัญหาอาชญากรรมมากน้อยแค่ไหน และประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เป็นต้น)
  • สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ (ดูกฎเกณฑ์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน บริการระบบธนาคาร)
  • สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม (การเปิดกว้างในการใช้สื่อต่างๆ และเสรีภาพส่วนบุคคล)
  • การแพทย์และสุขอนามัย (ระบบบริการสาธารณสุขที่ครอบคลุมทั่วถึง การแพร่ระบาดโรคติดต่อ ปัญหามลพิษ เป็นต้น)
  • ระบบคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบาย มีความครอบคลุม และปลอดภัย
  • มาตรฐานและโอกาสเข้าถึงการศึกษา ตลอดจนจำนวนโรงเรียนและสถาบันการศึกษาที่รองรับ
  • สถานที่สันทนาการ เช่น ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ โรงละคร สนามกีฬา และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เป็นต้น
  • สินค้าอุปโภคบริโภค (ดูว่าขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มหรือไม่ มีสินค้าหลากหลายเพียงใด)
  • ที่อยู่อาศัย (พิจารณาจากราคาบ้าน การเช่าบ้าน เครื่องใช้ภายในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และบริการซ่อมแซมต่างๆ)
  • สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ (สภาพอากาศและสถิติการเกิดภัยธรรมชาติ)

 

 

เมื่อพิจารณาปัจจัยต่างๆ ข้างต้น ทำให้กรุงเวียนนายังคงถูกยกให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ด้วยจุดเด่นด้านความปลอดภัยของพลเมืองและชาวต่างชาติ ระบบขนส่งสาธารณะที่ดีเยี่ยม บริการสาธารณสุขที่ครอบคลุมทั่วถึง ราคาบ้านที่ปรับตัวในระดับปานกลาง ตลอดจนความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความเพียบพร้อมของสถานที่สันทนาการต่างๆ ขณะที่นครมิวนิกของเยอรมนีไต่ 3 อันดับขึ้นมาเป็นรองแชมป์ในปีนี้ ส่วนเมืองที่มีคุณภาพชีวิตแย่ที่สุดในโลกและรั้งท้ายในรายงานฉบับนี้คือกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก

 

 

เมื่อแยกดูตามภูมิภาค เริ่มที่เอเชียแปซิฟิก สิงคโปร์ยังคงรั้งอันดับ 1 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในเอเชียและครองอันดับ 25 ของโลกในปี 2018 ขณะที่กรุงเทพมหานครของไทยลดลง 1 อันดับจากปี 2017 มาอยู่ในอันดับ 132 ของโลก  

 

ส่วนกรุงโตเกียวยังคงเป็นเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในบรรดาเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น ทว่าโดยรวมอันดับร่วงลงจากที่ 47 ในปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 50 ของโลกในปีนี้ร่วมกับนครโกเบ ขณะที่โยโกฮามะ โอซาก้า และนาโกยา ครองอันดับ 55, 59 และ 64 ตามลำดับ

 

 

สำหรับเมืองจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีอันดับดีสุดในปีนี้คือนครเซี่ยงไฮ้ เมืองท่าสำคัญ ซึ่งอยู่ในอันดับ 103 ส่วนกรุงปักกิ่งเมืองหลวง ครองอันดับ 119 แต่เมืองในเอเชียที่ไต่อันดับดีที่สุดในปีนี้คือเมืองเซินเจิ้น พุ่งขึ้นจากอันดับ 136 ในปีที่แล้ว สู่อันดับ 130 ในปีนี้ โดยปัจจัยสำคัญมาจากปัญหามลพิษในอากาศที่บรรเทาลง ขณะที่ฮ่องกงอยู่ในอันดับ 71 และกรุงไทเปของไต้หวัน รั้งอันดับ 84

 

 

ด้านกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมของคนไทย อยู่ในอันดับ 79 ในปีนี้ ขณะที่หลายเมืองในโซนโอเชียเนียยังคงทำอันดับได้ดีในปีนี้ ได้แก่ โอ๊กแลนด์ (3), ซิดนีย์ (10), เวลลิงตัน (15), และเมลเบิร์น (16)

 

ส่วนเมืองอื่นๆ ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนของไทย ประกอบด้วย กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย อันดับ 85, กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ อันดับ 137, และกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซีย อันดับ 142

 

ส่วนเมืองในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อันดับแย่ที่สุดในปีนี้คือ กรุงธากาของประเทศบังกลาเทศ อยู่ในอันดับ 216 ของโลก ขณะที่กรุงแบกแดดในภูมิภาคตะวันออกกลางรั้งท้ายสุดในอันดับ 231

 

ข้ามมาที่ภูมิภาคยุโรป ซึ่งปีนี้มีเมืองติดทำเนียบท็อป 10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกถึง 8 เมืองด้วยกัน ได้แก่ เวียนนา ซึ่งครองแชมป์ 9 สมัยซ้อน ซูริก (2), มิวนิก (3), ดุสเซลดอร์ฟ (6), แฟรงก์เฟิร์ต (7), เจนีวา (8), โคเปนเฮเกน (9) และบาเซิล (10) ส่วนเมืองใหญ่อื่นๆ ได้แก่ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), เบอร์ลิน (เยอรมนี), สตอกโฮล์ม (สวีเดน), บรัสเซลส์ (เบลเยียม), ปารีส (ฝรั่งเศส), ลอนดอน (อังกฤษ), มิลาน (อิตาลี) และบาร์เซโลนากับมาดริด (สเปน) อยู่ในอันดับ 12, 13, 23, 27, 39, 41, 42, 43 และ 49 ตามลำดับ

 

 

ส่วนเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในอเมริกาเหนือคือ นครแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา อยู่ในอันดับ 5 ของโลก ตามมาด้วยโทรอนโตและออตตาวาของแคนาดาเช่นกันในอันดับ 16 และ 19 ตามลำดับ ขณะที่เมืองน่าอยู่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาคือ นครซานฟรานซิสโก ซึ่งอยู่ในอันดับ 30 ของโลก รองลงมาคือบอสตันและโฮโนลูลูในอันดับ 35 และ 36 ตามลำดับ ส่วนมหานครนิวยอร์ก เมืองหลวงทางการเงินของโลก อยู่ในอันดับ 45 และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รั้งอันดับ 48  

 

เมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก ปี 2018 (100 อันดับแรก)

อันดับ เมือง, ประเทศ

1. เวียนนา, ออสเตรีย

2. ซูริก, สวิตเซอร์แลนด์

3. โอ๊กแลนด์, นิวซีแลนด์

3. มิวนิก, เยอรมนี

5. แวนคูเวอร์, แคนาดา

6. ดุสเซลดอร์ฟ, เยอรมนี

7. แฟรงก์เฟิร์ต, เยอรมนี

8. เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์

9. โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก

10. บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์

10. ซิดนีย์, ออสเตรเลีย

12. อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์

13. เบอร์ลิน, เยอรมนี

14. เบิร์น, สวิตเซอร์แลนด์

15. เวลลิงตัน, นิวซีแลนด์

16. เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย

16. โทรอนโต, แคนาดา

18. ลักเซมเบิร์ก, ลักเซมเบิร์ก

19. ออตตาวา, แคนาดา

19. ฮัมบูร์ก, เยอรมนี

21. เพิร์ท, ออสเตรเลีย

21. มอนทรีออล, แคนาดา

23. สตอกโฮล์ม, สวีเดน

23. เนิร์นแบร์ก, เยอรมนี

25. สิงคโปร์, สิงคโปร์

25. ออสโล, นอร์เวย์

27. บรัสเซลส์, เบลเยียม

28. สตุตการ์ต, เยอรมนี

29. อเดเลด, ออสเตรเลีย

30. แคนเบอร์รา, ออสเตรเลีย

30. ซานฟรานซิสโก, สหรัฐฯ

32. เฮลซิงกิ, ฟินแลนด์

33. แคลการี, แคนาดา

34. ดับลิน, ไอร์แลนด์

35. บอสตัน, สหรัฐฯ

36. โฮโนลูลู, สหรัฐฯ

37. บริสเบน, ออสเตรเลีย

38. ลิสบอน, โปรตุเกส

39. ปารีส ฝรั่งเศส

40. ลียง, ฝรั่งเศส

41. ลอนดอน, สหราชอาณาจักร

42. มิลาน, อิตาลี

43. บาร์เซโลนา, สเปน

44. ซีแอตเทิล, สหรัฐฯ

45. นิวยอร์ก, สหรัฐฯ

46. เอดินบะระ, สหราชอาณาจักร

47. ชิคาโก, สหรัฐฯ

48. วอชิงตัน ดี.ซี., สหรัฐฯ

49. มาดริด, สเปน

50. โตเกียว, ญี่ปุ่น

50. โกเบ, ญี่ปุ่น

50. เบอร์มิงแฮม, สหราชอาณาจักร

50. กลาสโกว์, สหราชอาณาจักร

50. ฟิลาเดลเฟีย, สหรัฐฯ

55. โยโกฮามะ, ญี่ปุ่น

55. พิตต์สเบิร์ก, สหรัฐฯ

57. โรม, อิตาลี

58. อาเบอร์ดีน, สหราชอาณาจักร

59. โอซาก้า, ญี่ปุ่น

60. ไลป์ซิก, เยอรมนี

61. มินนิอาโปลิส, สหรัฐฯ

62. ดัลลัส, สหรัฐฯ

63. แอตแลนตา, สหรัฐฯ

64. ลอสแอนเจลิส, สหรัฐฯ

64. นาโกยา, ญี่ปุ่น

64. ฮิวส์ตัน, สหรัฐฯ

64. ไมอามี, สหรัฐฯ

68. เบลฟาสต์, สหราชอาณาจักร

69. ปราก, สาธารณรัฐเชก

70. เซนต์หลุยส์, สหรัฐฯ

71. ดีทรอยต์, สหรัฐฯ

71. ฮ่องกง, ฮ่องกง

73. Pointe-à-Pitre Guadeloupe

74. ดูไบ, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

75. ลุบยานา, สโลวีเนีย

76. บูดาเปสต์, ฮังการี

77. อาบูดาบี, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

77. มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย

79. โซล, เกาหลีใต้

80. บราติสลาวา, สโลวาเกีย

81. วิลเนียส, ลิทัวเนีย

82. วอร์ซอว์, โปแลนด์

83. พอร์ตหลุยส์, มอริเชียส

84. ไทเป, ไต้หวัน

85. กัวลาลัมเปอร์, มาเลเซีย

86. เอเธนส์, กรีซ

87. ลิมาสโซล, ไซปรัส

87. ทาลลินน์, เอสโตเนีย

89. เดอร์บัน, แอฟริกาใต้

90. ริกา, แลตเวีย

91. บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา

92. ซานติอาโก, ชิลี

93. ปูซาน, เกาหลีใต้

94. เคปทาวน์, แอฟริกาใต้

95. โยฮันเนสเบิร์ก, แอฟริกาใต้

96. ซานฮวน, เปอร์โตริโก

96. ปานามาซิตี้, ปานามา

98. วิกตอเรีย, เซเชลส์

98. ซาเกร็บ, โครเอเชีย

100. วรอตสวัฟ, โปแลนด์

 

อ้างอิง:

  • Mercer Quality of Living Survey 2018
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X