×

เหยื่อแฮ็กเกอร์ยอมควักเงินรวมกว่า 4.2 หมื่นล้านบาท เพื่อไถ่คืนข้อมูลตลอดสองปีที่ผ่านมา โดยคริปโตถูกใช้เป็นเครื่องมือหลักในการก่ออาชญากรรม

11.02.2022
  • LOADING...
hackers

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา อาชญากรที่ใช้วิธีการแฮ็กเพื่อโจมตีระบบหรือขโมยข้อมูลจากผู้เคราะห์ร้ายสร้างความเสียหายจากค่าไถ่คืนข้อมูลรวมกันไปถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 4.2 หมื่นล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงอาชญากรรมทางด้านไซเบอร์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก อิงข้อมูลจากรายงานของ Chainalysis Inc.

 

Chainalysis เป็นบริษัทที่ติดตามข้อมูลของคริปโตเคอร์เรนซีระบุว่า ความเสียหายจากค่าไถ่คืนข้อมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก เมื่อปี 2021 อยู่ที่ 602 ล้านดอลลาร์ และปี 2020 อยู่ที่ 692 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ตัวเลขของปี 2021 คาดว่าจะสูงขึ้นกว่านี้หากรวมข้อมูลที่จะเปิดเผยออกมาเพิ่มเติม

 

ส่วนเมื่อปี 2019 และ 2018 ตัวเลขความเสียอยู่ที่ 152 ล้านดอลลาร์ และ 39 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ 

 

ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกโจมตีจากแฮ็กเกอร์มักจะไม่เปิดเผยว่าตกเป็นเหยื่อ หรือยอมจ่ายค่าไถ่เป็นคริปโตไปแล้ว เพื่อแลกกับการกู้ระบบหรือข้อมูลคืนมา ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากลุ่มของผู้ก่ออาชญากรรมมักจะอยู่ในรัสเซียและยุโรปตะวันออก โดยพุ่งเป้าหมายไปที่บริษัทในสหรัฐฯ

 

ขณะที่ค่าเฉลี่ยของการจ่ายค่าไถ่คืนข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 118,000 ดอลลาร์ในปี 2021 เพิ่มจาก 88,000 ดอลลาร์ในปี 2020 และ 25,000 ดอลลาร์ในปี 2019 

 

สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ได้ร่วมกันเตือนเกี่ยวกับภัยคุกคากจาก Ransomware ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยแฮ็กเกอร์ได้พัฒนาเทคนิคที่ซับซ้อนมากขึ้น 

 

สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามที่จะออกนโยบายสนับสนุนการป้องกันทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นภายในองค์กรของรัฐและเอกชน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพในการประชุมร่วมกับตัวแทน 30 ประเทศ เพื่อหารือเกี่ยวกับการชะลอตัวเลขความเสียหายที่กำลังเพิ่มขึ้น 

 

ในขณะที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็พยายามที่จะยับยั้งบรรดาแฮ็กเกอร์โดยการเข้าจับกุมผู้ที่ปล่อย Ransomware ในยุโรป 

 

ทั้งนี้ นักวิจัยของ Chainalysis ได้ติดตามการชำระเงินในหลายปีที่ผ่านมา โดยการวิเคราะห์กระเป๋าเงินของคริปโตซึ่งคาดว่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มแฮ็กเกอร์ อาทิ Conti, DarkSide และ Evil Corp

 

จากข้อมูลที่ติดตาม Conti เป็นกลุ่มที่ทำเงินได้มากสุดเมื่อปี 2021 โดยเชื่อว่า Conti น่าจะมีฐานอยู่ในรัสเซีย และทำเงินไปได้อย่างน้อย 180 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ DarkSide ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำเงินได้มากสุดเป็นอันดับสอง และเป็นผู้ที่โจมตีบริษัท Colonial Pipeline โดยบริษัทกล่าวว่าได้จ่ายค่าไถ่คืนข้อมูลไปจำนวน 4.4 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ จะเปิดเผยว่าสามารถเรียกคืนเงินดังกล่าวกลับมาได้เป็น Bitcoin จำนวน 63.7 เหรียญ หรือราว 2.3 ล้านดอลลาร์ 

 

ขณะที่ FBI เปิดเผยว่า ผู้เคราะห์ร้ายในสหรัฐฯ เสียหายจาก Ransomware ไปถึง 29.1 ล้านดอลลาร์ จากจำนวนผู้ร้องเรียนทั้งหมด 2,474 ราย ในปี 2020

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X