“อายุเป็นเพียงแค่ตัวเลข” ใครหลายคนเคยบอกเอาไว้แบบนั้น
“Ars longa, vita brevis” หรือ “ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น” อาจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะของไทยก็เคยกล่าวเอาไว้เช่นกัน
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย ภาพจำที่เรามีเกี่ยวกับคนคนนั้น แบรนด์แบรนด์นั้น สิ่งของสิ่งนั้นก็จะยังคงชัดเจนอยู่เสมอ ไม่เปลี่ยนแปลงไปตาม ‘กาลเวลา’
เช่นเดียวกับ Vespa (เวสป้า) แบรนด์สกูตเตอร์สัญชาติอิตาลีที่กลายเป็นไอคอนิกของความคูล เท่ คลาสสิก แต่ขณะเดียวก็ยังสดใหม่จากการปรับรูปโฉมสกูตเตอร์รุ่นใหม่ๆ ออกมาตลอดเวลา และการเป็นพาหนะให้ผู้คนได้ออกไปโลดแล่นในเส้นทางหรือกิจกรรมที่ตนเองเลือกหรือหลงรักอย่างมีอิสระตามใจฝัน (ในที่นี้คือผู้ขับขี่) โดยที่ในทุกๆ การเดินทางล้วนมาพร้อมกับประสบการณ์ที่น่าจดจำอยู่เสมอ
75 ปีที่ผ่านมา Vespa ได้พัฒนาสกูตเตอร์ของพวกเขา จนไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย สกูตเตอร์สองล้อและแบรนด์ของพวกเขาก็ยังคงความคลาสสิกและล้ำสมัยอยู่ตลอดเวลา เป็นทางเลือกของผู้คนที่รักอิสระ ชื่นชอบที่จะได้ออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง และรักในการได้สนุกสนานกับชีวิตในทุกๆ วัน ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะปรับตัวเองโน้มตัวเข้าหาเทรนด์ใหม่ๆ กระแสใหม่ๆ และผู้ใช้งานรุ่นใหม่อยู่เสมอ จึงทำให้ Vespa กลายเป็นแบรนด์ร่วมสมัยได้อย่างไม่เคอะเขิน
หลังจดสิทธิบัตรฉบับแรกในการผลิตสกูตเตอร์ Vespa ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2489 ล่วงเลยมาจนเกือบ 8 ทศวรรษ กระทั่งเข้ามาบุกตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ สิ่งที่ Vespa ทำได้สร้างอิทธิพลให้กับแวดวงต่างๆ ได้อย่างไม่รู้จบ และมากกว่าแค่ตัวเลขหลักฐานที่ยืนหยัดบนหลักไมล์ระยะทางการเดินทางบนหน้าปัด
เพราะ Vespa ได้กลายเป็นผู้นำเทรนด์ในหลากหลายวงการ อุตสาหกรรม จากการที่สกูตเตอร์ของพวกเขาถูกใช้งานโดยไอคอนิก คนดัง และผู้ที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุคสมัยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ ดนตรี สังคม ป๊อปคัลเจอร์ หรือวัฒนธรรมคนหนุ่มสาว เป็นต้น
และนี่คือเรื่องราวบางส่วนจากการบุกเบิกเจาะตลาดของ Vespa ในประเทศไทย ที่น้อยคนนักจะรู้ และเราอยากเล่าให้คุณฟัง
‘เชียงใหม่’ เมืองหลวง Vespa ประเทศไทย กับตำนานที่น้อยคนนักจะรู้
ว่ากันว่าถ้ากรุงเทพฯ คือเมืองหลวงของประเทศไทย มันก็คงจะไม่ใช่คำกล่าวอ้างที่ฟังดูเกินจริงสักเท่าไร หากเราจะยกให้ ‘เชียงใหม่’ เป็นเมืองหลวงของ ‘Vespa ประเทศไทย’
จังหวัดที่มีความสุนทรีทั้งในแง่วิถีชีวิต ผู้คน วัฒนธรรม และไลฟ์สไตล์ เข้ามามีบทบาทกับการหล่อหลอมวัฒนธรรมความนิยมสกูตเตอร์สองล้อสัญชาติอิตาลีนี้ได้อย่างไร?
ให้หลังจากปี 2489 นานเกือบทศวรรษ หลังจากที่พิอาจิโอได้แนะนำให้ผู้คนทั่วทั้งโลกรู้จักสกูตเตอร์ Vespa รุ่นแรกของโลก ก็ถึงคราวที่พวกเขาจะเลือกหมุดหมายใหม่ในการทำตลาดเป็นประเทศไทย กระทั่งได้มาพบกับ ‘เฟื่อง อินทรแย้ม’ นายช่างหนุ่มผู้เข้ามาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ Vespa กับเมืองเชียงใหม่ไปตลอดกาล
สิ่งที่ช่างเฟื่องทำได้ทลายเพนพอยต์ของคนใช้งานพาหนะในสมัยนั้น จากวิถีปฏิบัติเดิมของช่างซ่อมรถในยุคนั้นที่มักจะรอการสั่งอะไหล่เครื่องยนต์จากต่างประเทศ ทำให้กระบวนการซ่อมกินเวลานาน แต่ช่างเฟื่องใช้วิธีการดัดแปลงอะไหล่ที่มีอยู่ด้วยตัวเอง จนทำให้กิจการซ่อมรถของเขารุ่งเรืองและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างล้นหลาม
ถึงอย่างนั้นก็ดี แม้ในเชิงเทคนิคและการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจะเป็นความดีความชอบของช่างเฟื่อง แต่เบื้องลึกเบื้องหลังความสำเร็จของการทำตลาด Vespa คือการวางแผนประชาสัมพันธ์และกลยุทธ์การตลาดอย่างสร้างสรรค์
ไม่ว่าจะเป็นการออกร้านตามเทศกาลประจำปี, การจัดคาราวาน Vespa ไปต่างจังหวัด, การประกวดแต่งรถ, การชวนผู้เข้าประกวดนางสาวเชียงใหม่ร่วมขบวนพาเหรด Vespa ไปจนถึงการนำระบบลิสซิ่งมาใช้ครั้งแรก ซึ่ง ณ วันนั้นได้จุดประกายให้ ‘ผู้หญิง’ ส่วนใหญ่ในเชียงใหม่รู้สึกมั่นใจและมีความกล้าที่จะอยากใช้ Vespa เป็นพาหนะหลักในการไปไหนมาไหน
“จริงๆ Vespa มันถูกออกแบบให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยขี่ได้อยู่แล้ว ผู้หญิงที่สวมกระโปรงก็ขี่ได้สะดวก เพราะตัวถังรถมันป้องกันไม่ให้กระโปรงเราเปื้อนน้ำมันเครื่อง สิ่งที่ร้านของคุณพ่อและคุณแม่เราทำคือการเน้นย้ำให้เห็นว่า Vespa นอกจากใช้งานได้ดี มันยังเป็นมิตร ขี่ง่าย และเท่ เราจำได้ว่าช่วงหลังจาก พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา คนเชียงใหม่ใช้ Vespa กันหลากหลายมาก พ่อค้า แม่ค้า หมอ พยาบาล ไปจนถึงข้าราชการ” พัชรี อินทรแย้ม ทายาทของ‘เฟื่อง อินทรแย้ม’ ย้อนความหลัง
ความนิยมของคนเชียงใหม่ส่งผลให้ยอดขาย Vespa ของเชียงใหม่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ จนในที่สุดทีมงานของพิอาจิโอ บริษัทแม่ในอิตาลีก็ตัดสินใจเดินทางมาชมด้วยตาตัวเอง
ก่อนจะบอกกับช่างเฟื่องว่า ร้านของเขาควรจะถูกยกไปไว้ที่อิตาลี และมอบชุดเครื่องมือซ่อม Vespa ให้กับเฟื่องเป็นที่ระลึก ซึ่งในมุมของช่างซ่อมและผู้จำหน่าย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความหมายกับพวกเขาเป็นอย่างมาก ทั้งยังยืนยันถึงความสำเร็จที่ทั้งช่างเฟื่องและเสงี่ยมได้ร่วมกันสร้างให้กับ Vespa ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ People Stories เรื่องราวของ ‘รุ่นใหญ่’ ผู้ขับเคลื่อนแวดวงผู้ใช้ Vespa ในมิติต่างๆ ทั้งของบ้านเราและทั่วโลก – รุ่นใหญ่ที่ยังคงเปี่ยมด้วยพลังและ YOUNG อยู่ตลอดกาล ติดตามเรื่องราวของพวกเขาได้ที่ bit.ly/3gZofvF
กว่า 75 ปี Vespa ได้ผ่านการเดินทางมาหลายยุคหลายสมัย ระหว่างทางมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย จนกลายเป็นสกูตเตอร์คู่ใจของผู้คนในทุกยุค และวันนี้ถึงเวลาแล้วที่ Vespa จะเดินทางไปพร้อมกับคนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างความน่าตื่นเต้นครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เราอยากชวนทุกท่านติดตามเรื่องราวและกิจกรรมตลอดทั้งแคมเปญ 75 Years Young ได้ทาง www.vespa.co.th เฟซบุ๊ก VESPA อินสตาแกรม vespathailand รับรองได้ว่าถ้าเป็น Vespa ต้องมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์แน่ๆ
#VESPA75 #VESPA75YEARSYOUNG #VESPATHAILAND #VESPA