ในขณะที่ละคร บุพเพสันนิวาส กำลังเข้มข้นด้วยเรื่องราวที่อ้างอิงกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยมีเหตุการณ์สำคัญคือช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และการส่งคณะทูตไทยเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ด้วยว่าในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสนับเป็นดินแดนที่ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเฟื่องฟูในศิลปะและวัฒนธรรม
ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ที่บอกเล่าช่วงยุคทองของฝรั่งเศส และทำให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คือ Versailles ซีรีส์สัญชาติฝรั่งเศส ที่เล่าถึงเหตุการณ์ในพระราชวังแวร์ซายส์ ช่วงปี ค.ศ. 1667 ตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนาน 72 ปี
ตัวอย่างซีรีส์ Versailles
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในซีรีส์ Versailles
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หรือหลุยส์มหาราช เกิดเมื่อวันที่ 5 กันยายน ปี ค.ศ. 1638 ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่ออายุได้ 5 ชันษา โดยเสวยราชสมบัติต่อจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 พระราชบิดาของพระองค์ ในช่วงที่ยังทรงพระเยาว์ พระมารดารักษาราชการแทน มีคาร์ดินัล เมเซริน ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐมนตรี จนเมื่อพระคาร์ดินัลเสียชีวิต ในปี 1661 พระเจ้าหลุยส์จึงตัดสินใจบริหารประเทศด้วยตัวเอง รวมศูนย์อำนาจ และย้ายจากพระราชวังในปารีส มาสร้างพระราชวังแวร์ซายส์ ที่อยู่ห่างจากปารีสราว 20 กิโลเมตร
การก่อสร้างพระราชวังที่หรูหราและยิ่งใหญ่ เพื่อรองรับข้าราชบริพารหลายหมื่นชีวิตค่าใช้จ่ายมหาศาล ทั้งสิ่งจำเป็นและความฟุ่มเฟือยของราชสำนัก ทำให้เกิดการขูดรีดภาษีจากประชาชน เมื่อบวกรวมสงครามช่วงท้ายรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติฝรั่งเศสโค่นล้มระบบกษัตริย์ ช่วงปี 1789-1799 ในรัชสมัยของกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16
ในซีรีส์ Versailles เราได้เห็นความงดงามของพระราชวังแวร์ซายส์ แม้ว่าจะอยู่ในระหว่างก่อสร้างเพิ่มเติม เพื่อให้ยิ่งใหญ่สมกับเป็นพระราชวังของสุริยกษัตริย์ กระจกแผ่นยาวๆ กรุเปิดช่องให้แสงแดดเข้ามากระทบกับเครื่องประดับตกแต่งในพระราชวัง สร้างความหรูหราและยิ่งใหญ่ จนไม่ผิดหากพระเจ้าหลุยส์จะคิดว่าที่นี่คือศูนย์กลางอำนาจของฝรั่งเศสและโลกใบนี้
นอกเหนือจากงานสร้างที่พิถีพิถัน ซีรีส์ยังลงรายละเอียดในเรื่องเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่เห็นถึงวิธีการแต่งกายของเหล่าราชสำนักในฝรั่งเศส โดยเฉพาะตัวพระเจ้าหลุยส์เองที่มีหลายฉากทำให้เห็นกิจวัตรประจำวันของพระองค์ตั้งแต่ตื่นนอน ล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวด และมีเหล่าข้าราชบริพารมาแต่งฉลองพระองค์ให้
การรวมศูนย์อำนาจ และนำขุนนางมาอยู่ร่วมกันในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ ในแง่หนึ่งทำให้การควบคุมและจับตามองเป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากมายในพระราชวัง โดยเฉพาะเรื่องชู้สาวที่ผู้หญิงชั้นสูงต่างแย่งชิงเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ และการถูกครอบครองโดยกษัตริย์คือที่สุดของอำนาจ
และแม้ว่าในซีซันแรก Versailles จะเน้นไปที่เรื่องราวรักสามเส้าระหว่างพระเจ้าหลุยส์ เจ้าชายฟิลิปป์ ดยุคแห่งออร์เลอองส์-พระอนุชา และเจ้าหญิงอองริแยตต์แห่งอังกฤษ คู่สมรสของเจ้าชายฟิลิปป์ รวมถึงเรื่องชู้สาวของเหล่าขุนนางและราชนิกุลที่ใช้ชีวิตในแวร์ซายส์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เข้าใจเรื่องราวการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากขึ้น คือการได้เห็นภาพการประชุมของคณะรัฐมนตรี รวมถึงการเปิดพระราชวังเพื่อต้อนรับอาคันตุกะจากดินแดนต่างๆ ทั้งฉากการต้อนรับคณะของเจ้าชายจากแอฟริกา และการส่งเจ้าหญิงอองริแยตต์ ไปเป็นตัวแทนฝรั่งเศส เจรจาทางการทูตกับพี่ชายของเธอที่ปกครองอังกฤษในขณะนั้น การได้เห็นรายละเอียดเหล่านี้ ทำให้เห็นปฏิภาณไหวพริบและพระปรีชาสามารถของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อย่างไม่ต้องสงสัย
กว่าจะมาเป็นซีรีส์ Versailles
David Wolstencroft ผู้สร้างซีรีส์ Versailles ร่วมกับ Simon Mirren ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาเริ่มต้นโปรเจกต์นี้ด้วยกันเมื่อหลายปีก่อน “ไซมอนโทรมาหาแล้วถามว่าผมรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับแวร์ซายส์บ้าง ผมก็ตอบกลับไปว่า คุณรู้ไหม ผมได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากเคมบริดจ์ แล้วหัวข้อเฉพาะทางของผมคือประวัติศาสตร์สมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นั่นล่ะ พวกเราเลยบินไปปารีสเพื่อเสนอกับทาง Canal+ ที่จะทำซีรีส์เรื่องรักสามเส้าระหว่างหลุยส์ ฟิลิปป์น้องชายของเขา และอองริแยตต์ที่แต่งงานกับฟิลิปป์ แต่ยังหลงเสน่ห์หลุยส์อยู่”
ส่วนไซมอนที่เป็นโปรดิวเซอร์ซีรีส์ดังอย่าง Criminal Minds มาก่อน เขาสนใจพฤติกรรมและจิตวิทยาเบื้องหลังตัวละคร โดยเฉพาะตัวพระเจ้าหลุยส์ที่พยายามควบคุมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว นั่นจึงไม่แปลกที่เขาตัดสินใจกลับมาตั้งหลักที่แวร์ซายส์ ซึ่งเคยเป็นที่พักสำหรับล่าสัตว์ของพ่อ ก่อร่างสร้างปราสาทจากสิ่งที่พ่อหลงเหลือไว้ เขารู้ว่าทางรอดขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง และการควบคุมทุกสิ่งอย่างเอาไว้ภายในสายตา
ในขณะที่ตัวละครอย่างเจ้าชายฟิลิปป์ถูกเลี้ยงดูมาเป็นรองจากพระเจ้าหลุยส์ ตัวละครที่มีพลัง มีเสน่ห์ มีอำนาจพอจะแข่งขันกับพี่ชายได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความรักให้กันและกัน เป็นความสัมพันธ์ของตัวละครที่ไซมอนและเดวิดเลือกเอามาใช้ในซีรีส์และทำให้เห็นมิติของตัวละครมากยิ่งขึ้น
เหนือสิ่งอื่นใด เดวิดให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับซีรีย์ Versailles ว่า พวกเขาเคารพสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ และจะไม่พยายามบิดเบือนเรื่องราวไปจากความเป็นจริง
ละครที่ให้ความบันเทิง แล้วต่อยอดให้ผู้ดูสนใจหาความรู้เพิ่มเติม นับว่าประสบความสำเร็จไปแล้วในแง่หนึ่ง ซีรีย์ทั้ง Versailles และ บุพเพสันนิวาส ต่างเป็นการย้อนประวัติศาสตร์โดยเลือกใช้เรื่องที่เกิดขึ้นจริงเป็นสำคัญ ประกอบกับเรื่องรักเชิงชู้สาวที่นำมาใช้เป็นประเด็นในการดำเนินเรื่องให้น่าติดตาม
เมื่อเคารพประวัติศาสตร์ เรื่องที่แต่งเติมมาเพื่อเพิ่มอรรถรสจึงไม่ได้ขัดหูขัดตา ทั้งยังทำให้เกิดกระแส ผู้ชมสนใจค้นคว้าหาข้อมูลในอดีตมาอ่านประกอบกันยกใหญ่ ซึ่งนับเป็นความสำเร็จในระดับที่เกิดเป็นปรากฏการณ์ talk of the town แบบที่ไม่ได้เห็นละครเรื่องไหนจะทำได้มานานแล้ว
และเมื่อดูละครแล้วย้อนกลับมาดูความจริง ก็น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันที่หลายเรื่องไม่ว่าจะเรื่องรักสามเส้า หรือกระทั่งเรื่องคอร์รัปชัน กลเกมการเมือง ยังคงเป็นปัญหาเช่นเดิมในทุกวันนี้ แม้เวลาจะผ่านมานับร้อยๆ ปีแล้วก็ตาม
อ้างอิง:
- www.telegraph.co.uk/tv/2016/06/01/who-was-louis-xiv-of-france-everything-you-need-to-know-about-th
- www.tracking-board.com/the-tracking-board-interviews-versailles-creator-david-wolstencroft
- www.imdb.com/title/tt3830558
- ซีรีส์ Versailles สร้างโดยสถานีโทรทัศน์ฝรั่งเศส Canal+ กำกับโดย Jalil Lespert, Christoph Schrewe, Thomas Vincent, Daniel Roby นำแสดงโดย George Blagden, Alexander Vlahos, Anna Brewster, Noemie Schmidt
- Versailles ซีซันแรก ออกอากาศเดือนพฤศจิกายน 2015 ซีซันที่ 2 ออกอากาศในเดือนมีนาคม ปี 2017 และซีซันที่ 3 ซึ่งคาดกันว่าจะเป็นซีซันสุดท้ายนั้นจะออกอากาศในปี 2018 นี้