สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าพื้นที่ทั่วนครเวนิสของอิตาลีกว่า 70% ถูกน้ำท่วมสูงอีกครั้งเมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน) หลังระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นเกือบ 1.5 เมตรในช่วงบ่าย ซึ่งถือเป็นเหตุน้ำท่วมใหญ่ครั้งที่ 3 ในรอบ 1 สัปดาห์ หลังจากที่เมื่อวันอังคาร (12 พฤศจิกายน) ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงสุดในรอบ 53 ปี ถึง 1.87 เมตร ทำให้พื้นที่เกือบทั้งหมดของเวนิสซึ่งเป็นเมืองมรดกโลกจมอยู่ใต้น้ำ
จัตุรัสเซนต์มาร์ก หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของเมือง และเป็นที่ตั้งของมหาวิหารเซนต์มาร์ก ศาสนสถานสำคัญของเวนิส ต่างถูกน้ำท่วมจนต้องปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ส่วนเจ้าของร้านค้าต่างก็ปิดร้านเพื่อยกของมีค่าขึ้นที่สูง
ขณะที่เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำทะเลของเวนิสเผยว่าระดับน้ำขึ้นสูงสุดเกือบ 1.5 เมตรในช่วงหลังเวลา 13.00 น. วานนี้ (17 พฤศจิกายน) ตามเวลาท้องถิ่น แต่ด้วยแนวปะทะอากาศนอกชายฝั่งกั้นไม่ให้กระแสลมทิศใต้จากทะเลเอเดรียติกผลักดันกระแสน้ำให้เพิ่มสูงถึง 1.6 เมตรตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งในช่วงเย็นสถานการณ์เริ่มดีขึ้น หลังระดับน้ำลดต่ำลงไม่ถึง 1 เมตร
ลุยจิ บรุกนาโร นายกเทศมนตรีเมืองเวนิส ทวีตข้อความยืนยันว่าระดับน้ำทะเลหยุดเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ประเมินความเสียหายจากน้ำเค็มที่ไหลท่วมเมืองช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอาจสูงถึง 1 พันล้านยูโร (33,400 ล้านบาท) ซึ่งก่อนหน้านี้ทางรัฐบาลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินและอนุมัติเงินช่วยเหลือมาแล้วราว 20 ล้านยูโร (670 ล้านบาท)
ทั้งนี้นครเวนิสตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลสาบน้ำเค็มเวเนเชียน ติดกับทะเลเอเดรียติก ทางตอนเหนือของอิตาลี ที่ผ่านมาระดับน้ำรอบเมืองที่เพิ่มสูง 80-90 เซนติเมตรถือว่าค่อนข้างสูงจนต้องเฝ้าระวัง และนับตั้งแต่มีการบันทึกระดับน้ำในปี 1872 ไม่เคยมีปีใดที่ระดับน้ำเพิ่มสูง 1.5 เมตรถึง 2 ครั้งภายในปีเดียว
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
