วานนี้ (20 เมษายน) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยถึงโครงการสนับสนุนครอบครัวอุปถัมภ์สำหรับการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่อยู่ในวาระท้ายและครอบครัวมีฐานะยากจนของกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ว่า ปีงบประมาณ 2567 กรมกิจการผู้สูงอายุเป็นส่วนราชการ มีฐานะเป็นกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้งบประมาณในการดูแลครอบครัวอุปถัมภ์จำนวน 1,107 ครอบครัว
วราวุธกล่าวว่า แน่นอนว่าครอบครัวที่จะต้องได้รับการดูแลในเรื่องของผู้สูงอายุมีมากกว่านั้น แต่เนื่องจากงบประมาณที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับมามีอย่างจำกัด จึงทำให้มีการร้องเรียนเข้ามาในขณะนี้ ซึ่งตนต้องกราบขออภัยประชาชนที่เรายังไม่สามารถดำเนินการได้ครบทุกครอบครัว ทั้งนี้ งบประมาณปี 2568 ทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะทำเรื่องขอเพิ่มงบประมาณเข้าไปตามลำดับ แต่ว่าจะเป็นจำนวนเท่าใด เพิ่มมากน้อยอย่างไร คงจะต้องไปเร่งเจรจากับทางสำนักงบประมาณต่อไป
วราวุธกล่าวต่อว่า ขณะนี้เกิดความเข้าใจผิดว่าจำนวนการยื่นขอรับสิทธิในหลายจังหวัดเริ่มเต็มแล้วนั้น ตนได้กำชับกับอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุให้เร่งชี้แจงไปยังหน่วยงานในสังกัดทุกจังหวัดแล้ว และต้องเรียนว่าไม่มีเต็มแน่นอน เพราะเรารับหมด เพียงแต่ว่าต้องพิจารณาคัดเลือกเพียง 1,107 ครอบครัว ซึ่งเราจะเก็บเอาไว้เป็นฐานข้อมูล เพื่อที่ว่าในอนาคตหากมีเงินส่วนอื่นที่สามารถสมทบได้ หรือถ้าหากปีงบประมาณ 2568 เราได้งบประมาณเพิ่ม จะได้นำฐานข้อมูลเหล่านี้มาดำเนินการให้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งตอนนี้ยังไม่มีการจ่ายเงินออกไปยังครอบครัวอุปถัมภ์ใดๆ ทั้งสิ้น โดยได้ขอให้ทางอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุเร่งประชุมทางไกลกับสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) ทั่วประเทศ ในการที่จะกำชับเรื่องเงื่อนไขสำคัญของการยื่นขอรับสิทธิ และการสำรวจรายละเอียดของพี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนและต้องการเงินสนับสนุนตรงนี้ แล้วจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด
วราวุธกล่าวต่ออีกว่า เมื่อมีการยื่นคำขอรับสิทธิ ทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจะเป็นผู้รับเรื่องคำขอรับสิทธิดังกล่าวจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และเมื่อส่งเรื่องมาที่ส่วนกลางแล้ว ทางอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่กรมกิจการผู้สูงอายุนั้นจะต้องพิจารณาคัดเลือกเพียง 1,107 ครอบครัวตามเงื่อนไขสำคัญ โดยเงินที่จะได้รับการสนับสนุนเริ่มที่ 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน แต่ว่าในบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น สามารถเพิ่มเงินได้ถึง 3,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน แต่ขอเน้นย้ำว่า เฉลี่ยแล้วจะได้รับเงิน 2,000 บาทต่อผู้สูงอายุ 1 คนต่อเดือน
วราวุธกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับครอบครัวที่จะมีสิทธิได้รับเงินครอบครัวอุปถัมภ์นั้น ผู้สูงอายุที่จะดูแลจะต้องมีฐานะยากจนและไม่มีผู้ดูแล เช่น ถูกทอดทิ้ง อยู่เพียงลำพัง รวมไปถึงบุตรหลานหรือญาติไม่สามารถเลี้ยงดูแลได้ เพราะไม่มีรายได้เพียงพอ ความยากจนเหล่านี้จะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญที่จะติดต่อขอรับเงินช่วยเหลือ
ทั้งนี้ สามารถติดต่อยื่นคำขอรับสิทธิได้จนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ในส่วนของกรุงเทพมหานครยื่นคำขอได้ที่กรมกิจการผู้สูงอายุหรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ (ศพส.) บ้านบางแค หรือหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และในส่วนของต่างจังหวัดยื่นคำขอได้ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดหรือศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุจังหวัดทั่วประเทศ
วราวุธกล่าวว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีการพิจารณาคัดเลือกครอบครัวอุปถัมภ์โดยนักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ และเมื่อได้รับเงินไปแล้ว นักสังคมสงเคราะห์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะติดตามแต่ละครอบครัวว่าได้ใช้เงินตามวัตถุประสงค์หรือไม่ อีกทั้งในขั้นตอนการพิจารณา จะมีคณะกรรมการกำกับดูแลการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมตามภารกิจของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสม โดยคาดว่าจะพิจารณาคัดเลือกให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อให้เงินถึงมือครอบครัวอุปถัมภ์โดยเร็วที่สุด