วันนี้ (2 กรกฎาคม) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังร่วมต้อนรับพลายศักดิ์สุรินทร์ และคณะผู้ดูแลจากภารกิจพาพลายศักดิ์สุรินทร์กลับสู่มาตุภูมิ โดยเป็นการออกเดินทางจากสนามบินประเทศศรีลังกา และมาถึงสนามบินนานาชาติเชียงใหม่เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.
วราวุธกล่าวว่า พลายศักดิ์สุรินทร์เหมือนรู้ดีว่าได้กลับมาประเทศไทย ให้ความร่วมมืออย่างดีตั้งแต่อยู่ประเทศศรีลังกา โดยเมื่อเดินทางถึงสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ (ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย) จังหวัดลำปาง จะเริ่มการรักษาทันที อย่างไรก็ตาม ระหว่างการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ไปยังสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ จะมีทีมงานตามไปดูแลใกล้ชิด คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร
เมื่อถามว่าจะมีการส่งพลายศักดิ์สุรินทร์กลับศรีลังกาหลังจากรักษาหายหรือไม่ วราวุธกล่าวว่า ประเด็นเรื่องส่งกลับยังไม่พูดถึงดีกว่า ตอนนี้สิ่งสำคัญคือรักษาพลายศักดิ์สุรินทร์ให้หายก่อน เพราะวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าพลายศักดิ์สุรินทร์มีอาการอะไรบ้าง เพราะบางอาการบาดเจ็บมองจากภายนอกไม่ได้ บางอาการต้องใช้เวลารักษาพยาบาลนับปี และกว่าจะฟื้นฟูเพื่อให้กลับมาแข็งแรงได้ ดังนั้นยังเหลือเวลาอีกมากที่จะปรึกษาหารือว่าจะกลับหรือไม่
จากนั้นวราวุธได้แถลงว่า ขณะอยู่บนเครื่องบินต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 คน ประกอบด้วยควาญช้างจากประเทศศรีลังกา และทีมสัตวแพทย์ที่ดูแลพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นอย่างดี โดยกัปตันได้รายงานว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าวิตกกังวล เมื่อลงจากเครื่องอาจมีอาการหิวน้ำ จึงกินน้ำเข้าไปจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่ได้ฉีดน้ำเข้าไปในกรงเพื่อให้อุณหภูมิลดลง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี
วราวุธกล่าวถึงประเด็นที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมพลายศักดิ์สุรินทร์ว่า เป็นไปได้ แต่จะเข้าไปหรือจะชมในลักษณะใดคงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่ก่อน แต่ยอมรับว่าพลายศักดิ์สุรินทร์เป็นที่สนใจของประชาชน ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าไปชื่นชมและให้กำลังใจ
เมื่อถามถึงอาการของช้างอีก 2 เชือกที่ยังอยู่ประเทศศรีลังกา วราวุธกล่าวว่า ทั้ง 2 เชือกนั้น จากการประสานงาน และจากที่กัญจนา ศิลปอาชา ได้ไปตรวจเยี่ยม ยังวางใจได้ว่าทั้ง 2 เชือกมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ แต่เพื่อความไม่ประมาท หากประชาชนมีข้อมูลหรือประเด็นใดที่เป็นห่วงสามารถแจ้งมาทาง ทส. ทางเราจะขอให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบต่อไป
วราวุธกล่าวว่า งบประมาณรวมที่ใช้ในการขนส่งพลายศักดิ์สุรินทร์อยู่ที่ประมาณ 19 ล้านบาท งบส่วนมากเป็นค่าขนส่ง เพราะเป็นเครื่องบินพาณิชย์ซึ่งเป็นเครื่องบินพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อ้างอิง: เฟซบุ๊กกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช