วานนี้ (6 พฤษภาคม) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเวทีปราศรัยของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าสามย่านมิตรทาวน์ว่า ในช่วงหนึ่งที่แกนนำได้ปราศรัยกับประชาชนนั้น เวลา 19.00 น. ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นักเคลื่อนไหวต่อต้านกัญชาเสรี เดินทางมายังพื้นที่ปราศรัยและเข้าทักทาย วราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และแกนนำที่เตรียมตัวขึ้นเวทีปราศรัยอยู่ด้านข้างเวที ก่อนจะได้ขึ้นเวทีปราศรัยพร้อมกับวราวุธด้วย
ชูวิทย์กล่าวว่า ตนฐานะศิษย์เก่าพรรคชาติไทย ขอมาสนับสนุนการปราศรัยโดยไม่คิดค่าตัว ขอสนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนาและวราวุธ เพราะมีประสบการณ์ทางการเมือง ได้รับการถ่ายทอดวิชาการเมืองมาจาก บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ บิดาของวราวุธ ตนขอสนับสนุนให้วราวุธได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งวราวุธได้ไหว้ขอบคุณ
ทั้งนี้ การขึ้นเวทีของชูวิทย์ได้ตั้งคำถามกับวราวุธต่อนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งวราวุธประกาศกลางเวทีว่า ไม่สนับสนุนการเปิดเสรีกัญชา เพราะมีผลกระทบกับประชาชน จากนั้นชูวิทย์ได้ฝากไล่หนู เพราะใน กทม. เขตไหนหนูก็เยอะ ไม่รู้ว่าไปที่สุพรรณบุรีหรือไม่ วราวุธกล่าวว่า “ไม่เห็นๆ”
จากนั้นวราวุธกล่าวปราศรัยว่า 10 ปีที่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่มีโอกาสปราศรัยใน กทม. ท่ามกลางประชาชน และพรรคไม่มีโอกาสเห็นหรือได้ยินปัญหา ไม่มีเครื่องมือช่วยประชาชนแก้ปัญหาในทุกเขต กทม. ทั้งนี้ พรรคส่งผู้สมัคร ส.ส. 15 เขตของพรรค ขอให้สัญญา หากได้รับโอกาสแก้ปัญหาจะมาช่วยแก้ปัญหาให้ตลอดไป
“เหลือเวลา 1 สัปดาห์ที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศไทย และกำหนดการแก้ปัญหา ทั้งนี้ การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนาจะผสมผสานการทำงานระหว่างคนรุ่นใหม่และคนรุ่นใหญ่ เพราะเราทำงานเป็นทีมและเน้นการแก้ป้ญหา ไม่สร้างภาระให้กับคนรุ่นลูก นอกจากนั้นพรรคยังมีแนวทางแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน แก้หนี้ในระบบ พัฒนาระบบการศึกษาของเยาวชนที่เรียนในสิ่งที่ใช่” วราวุธกล่าว
ด้าน สันติ กีระนันทน์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ปราศรัยว่า ขณะนี้มีนักการเมืองแบ่งฝ่ายคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นเด็ก สร้างความแตกแยก แบ่งฝ่าย เพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาไม่สนใจการแบ่งฝ่าย ไม่สนการต่อสู้ทางการเมืองแบบไร้วัฒนธรรม มีคนเปรียบเทียบการปราศรัยที่สามย่านมิตรทาวน์กับพรรคการเมืองที่มาปราศรัยก่อนหน้า ตนขอตอบว่าเราไม่กลัวและไม่เคยเปรียบเทียบกับใคร เพราะต้องการเปรียบเทียบการทำงานของตนเองว่าดีขึ้นหรือไม่ เท่าไร ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาที่ยืนอยู่ได้วันนี้เพราะทำงานดีขึ้นทุกวัน
สันติกล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาของประเทศไทย ประชาชนส่วนใหญ่ 80 เปอร์เซ็นต์ทำกินแบบแร้นแค้น ส่วนนักการเมืองยังทะเลาะกันแย่งชิงมวลชนโดยไม่สนใจและไม่เกรงใจประชาชน ขณะที่พรรคชาติไทยพัฒนาเกรงใจประชาชน ใส่ใจดูแลประชาชนให้เสมอภาค เท่าเทียมทุกมิติทั้งการเมืองและสังคม ที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจพบว่ามุ่งเน้นที่การเพิ่ม GDP เท่านั้น โดยไม่สนใจว่าประชาชนยากจนลงเท่าไร ทั้งนี้ พรรคชาติไทยพัฒนาไม่หลงทาง นโยบายของพรรคไม่เน้นที่ตัวเลข GDP เพราะมุ่งเน้นการทำนโยบายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สร้างการพัฒนาที่ยั่งยืน
“ตอนนี้มีพรรคการเมืองนำเสนอนโยบายทั้ง 300 ข้อ ผมขอถามว่าจะทำทัน 4 ปีหรือไม่ หรือบางพรรคเสนอ 70 นโยบาย หากแตกแยกกัน จะทำได้หรือไม่ ส่วนนโยบายของพรรค 14 ข้อ คิดเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย และสร้างความเข้มแข็งของรากฐาน เช่น เกษตรกร ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งรอบนี้ พรรคชาติไทยพัฒนามีความจริงใจกับประชาชน นำเสนอนโยบายเพื่อแก้ปัญหาที่ตรงจุด รับฟัง ทำจริง ยึดประชาชนเป็นหลักในการทำงาน บางพรรคการเมืองชูคนที่เป็นพระเอกและนางเอก
“แต่พรรคชาติไทยพัฒนาแม้จะชูวราวุธเป็นนายกฯ แต่เบื้องหลังมีทีมทำงานที่เป็นกำแพงเหล็ก เป็นคนทำงานที่มีประสบกาณ์ที่หลากหลายแตกต่าง ตนไม่สามารถสัญญากับประชาชนว่าหลังเลือกตั้งจะให้อะไรกับประชาชน เพราะผิดกฎหมายและดูถูกประชาชน แต่ตนสัญญาว่าหากประชาชนกาเบอร์พรรคชาติไทยพัฒนา ตั้งแต่วันพรุ่งนี้และ 14 พฤษภาคม จะได้คนที่ทำงานให้ประชาชนแบบทีมที่มีผู้นำหลากหลาย ไม่คดโกง กาทีเดียวได้ทั้งทีม ดีกว่ากาทีเดียวได้คนเดียว” สันติกล่าวในที่สุด