“ผมก็อยากจะรู้นักว่าพวกคุณจะกล้าตัดสินแบบนี้กับทีมใหญ่ในเกมสำคัญบ้างหรือเปล่า ผมอยากจะรู้ว่า VAR จะกล้าพอตัดสินแบบนี้ไหม”
นี่คือคำพูดของ อันโตนิโอ คอนเต นายใหญ่ทีมท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ระบายความรู้สึกออกมา หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากการตัดสินในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกนัดที่ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ พบกับสปอร์ติง ลิสบอน เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ก่อนจะโดนใบแดงไล่ออกเพราะประท้วงการตัดสิน
จังหวะปัญหานั้นเป็นจังหวะสำคัญในระดับชี้เป็นชี้ตายโอกาสในการเข้ารอบของสเปอร์สในกลุ่มที่สถานการณ์สุดสูสี เมื่อ แฮร์รี เคน ทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายให้ทีมได้สำเร็จ ท่ามกลางความรู้สึกยินดีที่ถูกระเบิดออกมาพร้อมกันของนักเตะ โค้ช และแฟนบอลในสนาม แต่อารมณ์ทุกอย่างถูกกระชากกลับมาด้วยหน้าจอที่ขึ้นว่า VAR ขอเช็กประตูนี้ว่ามีการล้ำหน้าหรือไม่
ก่อนที่จะมีการตรวจสอบจาก VAR ซึ่งใช้เวลาเนิ่นนาน และตัดสินว่าลูกนี้ไม่เป็นประตู เพราะ แฮร์รี เคน อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำหน้า
การตัดสินครั้งนี้ค้านสายตาและค้านความรู้สึกของชาวสเปอร์สทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานนักเตะทีมชาติอังกฤษที่เป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับช่อง BT Sport บอกว่า นี่เป็นการ ‘ฆาตกรรม’ ขณะที่ แกรี ลีนิเกอร์ อีกหนึ่งตำนานดาวยิงทีมสิงโตคำราม ทวีตว่า “ตลกมาก ผมเกลียดเวลาที่ VAR ถูกนำมาใช้ตัดสินแบบนี้”
ว่าแต่ตกลงแล้วลูกนี้ตัดสินถูกแล้วใช่ไหม?
VAR ตัดสินว่า แฮร์รี เคน ล้ำหน้าในจังหวะนี้ (ภาพ: DaleJohnsonESPN / Twitter)
ล้ำหน้าหรือไม่ล้ำหน้า?
ย้อนกลับไปยังเหตุการณ์จังหวะปัญหากันอีกครั้ง
จังหวะนี้เริ่มจากการที่ อิวาน เปริซิช วิงแบ็กซ้ายจอมเก๋าชาวโครเอเชีย เปิดบอลด้วยเท้าขวาจากกราบซ้ายลึกเข้าไปในกรอบเขตโทษ บอลนั้นเลยมาถึง เอเมอร์สัน รอยัล วิงแบ็กขวาที่อยู่อีกฝั่ง ขึ้นโหม่งชงย้อนกลับมาหวังให้ถึงเคนที่รออยู่
บอลนั้นไปแฉลบขาของนักเตะสปอร์ติง แต่เคนยังปฏิกิริยาไวพอที่จะปรี่เข้าไปถึงก่อนใคร และยิงยัดเข้าประตูไปได้สำเร็จ
ลูกนี้ VAR บอกว่าล้ำหน้า ซึ่งจากภาพของ VAR แล้วมีการตีเส้นว่า ‘เข่าของเคน’ อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำหน้า และตรงนี้เองที่เป็นปัญหา เพราะ…
- จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวะการเปิดบอลของเปริซิชนั้นเอเมอร์สันไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ล้ำหน้า
- จังหวะการโหม่งกลับมาของเอเมอร์สันนั้นดูแล้วเป็นการโหม่งย้อนกลับหลังให้เคน ไม่ใช่การโหม่งขึ้นไปข้างหน้า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจะเป็นการล้ำหน้า
- ปัญหาอีกจุดคือ ลูกโหม่งชงของเอเมอร์สันก็ไม่ได้ไปถึงเคนโดยตรง แต่เกิดการแฉลบขาของ ฟลาวิโอ นาซินโญ นักเตะสปอร์ติง อีกทีด้วย ที่สามารถนับเป็นการเล่นอีกจังหวะได้โดยที่เคนจะไม่ล้ำหน้าอย่างแน่นอน
ขณะที่กฎข้อที่ 11 (Law 11) ระบุเอาไว้ว่า “ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าในจังหวะที่บอลกำลังเล่นอยู่หรือมีการสัมผัสโดยเพื่อนร่วมทีม จะถูกทำโทษว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเล่น โดย…มีความได้เปรียบจากการเล่นบอลหรือมีการรบกวนคู่แข่งในจังหวะที่บอลกระเด้งหรือแฉลบจากเสาประตู คาน ผู้ตัดสิน หรือผู้เล่น
“ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าได้รับบอลจากคู่แข่งที่ตั้งใจจะเล่นบอล ซึ่งรวมถึงการตั้งใจทำแฮนด์บอล จะไม่ถูกพิจารณาว่าได้เปรียบในจังหวะนี้”
การตัดสินว่าเคนล้ำหน้าเพราะเข่าอยู่เหนือผู้เล่นเกมรับตัวสุดท้าย จึงชวนให้รู้สึกค้านสายตา
อย่างไรก็ดี หลังจบเกมยูฟ่าไม่ได้มีคำอธิบายหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินจังหวะนี้แต่อย่างใด
อันโตนิโอ คอนเต โดนใบแดงหลังพยายามประท้วงผู้ตัดสิน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากจังหวะนี้
การถูกริบประตูชัยทำให้สเปอร์สยังมี 8 คะแนน แม้จะนำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม D แต่นัดสุดท้ายจะต้องไปเยือนโอลิมปิก มาร์กเซย ที่มี 6 คะแนนในเวลานี้ ส่วนอีกคู่ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต และสปอร์ติง ลิสบอน มีทีมละ 7 คะแนนเท่ากัน
แต่การไปเยือนสตาดเวโลโดรมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน โดยหากสเปอร์สพลาดท่าพ่ายขึ้นมาแล้วแฟรงค์เฟิร์ตกับสปอร์ติงเสมอกัน มาร์กเซยจะกลายเป็นแชมป์กลุ่ม มี 9 คะแนน ส่วนอีก 3 ทีม จะมี 8 คะแนนเท่ากัน
ตามกฎข้อที่ 17 ของแชมเปียนส์ลีกระบุว่า ถ้ามี 2 ทีมหรือมากกว่า ที่มีแต้มเท่ากัน อันดับจะถูกตัดสินโดยดูจากผลการแข่งที่พบกันเอง (Head-to-Head) ซึ่งสปอร์ติงเป็นทีมที่มีผลงานดีที่สุดในบรรดา 3 ทีมที่เหลือจากการชนะสเปอร์ส 2-0 และชนะแฟรงค์เฟิร์ต 3-0 เก็บได้ 7 คะแนนจากการพบกับ 2 ทีมนี้ นั่นหมายถึงทีมจากโปรตุเกสจะได้ผ่านเข้ารอบต่อไป
อย่างไรก็ดี สเปอร์สจะเข้ารอบทันทีขอแค่ไม่แพ้ต่อมาร์กเซย นั่นคือทางเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับทีมจากลอนดอนที่ช้ำในหนักในเดือนตุลาทมิฬนี้
อ้างอิง: