วันวาเลนไทน์ไม่ได้มีไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น ชาวอเมริกันจัดลำดับความสำคัญใหม่ ว่าพวกเขาใช้จ่ายอย่างไรและใช้จ่ายกับใคร และเปลี่ยนโฟกัสไปที่ความสัมพันธ์ในทุกรูปแบบ เช่น เพื่อน ครูของลูกๆ เครือญาติ โดยสหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) คาดว่าการจับจ่ายวาเลนไทน์ปีนี้จะอยู่ที่ 14.2 พันล้านดอลลาร์ และน่าสนใจว่าเทรนด์ตลาดปีนี้อาจเป็นโอกาสของหลายๆ แบรนด์ เจาะแพลตฟอร์มออนไลน์กลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อย โสด และ Gen Z
สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ (NRF) ระบุว่า การใช้จ่ายช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ของชาวอเมริกันปีนี้คาดว่าจะสูงถึง 14.2 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากผู้บริโภคชาวอเมริกันกำลังจัดลำดับความสำคัญใหม่ว่า พวกเขาจะใช้จ่ายอย่างไร และใช้จ่ายกับใครมากขึ้น ซึ่งวันวาเลนไทน์ไม่ได้มีไว้สำหรับคู่รักเท่านั้น ชาวอเมริกันประมาณ 60% มองว่า วาเลนไทน์มีไว้สำหรับความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ
โดยชาวอเมริกันจะออกไปเฉลิมฉลอง 53% ซึ่งลดลง 10% เมื่อเทียบกับ 15 ปีที่แล้ว อีก 29% ของผู้ที่ไม่ได้เฉลิมฉลองยังคงวางแผนที่จะหาโอกาสฉลองในทางเลือกอื่นๆ
ส่วนแหล่งช้อปปิ้งวันวาเลนไทน์ที่ได้รับความนิยมอยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ 40% ร้อยละ 33 จะไปช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้า ในขณะที่ 31% จะพุ่งไปที่ร้านลดราคา และ 17% จะไปซื้อจากร้านดอกไม้
แน่นอนว่าของขวัญยอดนิยมคือ ลูกอม 57%, การ์ดอวยพร 40% และดอกไม้ 39% ส่วนการดินเนอร์อยู่ลำดับท้ายสุดที่ 32%
ทั้งนี้ NRF สำรวจภาพรวมเชิงเศรษฐกิจพบว่า แม้ว่าเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อหลายการจับจ่ายของชาวอเมริกัน แต่อาจไม่มีผลต่อการจับจ่ายช่วงเทศกาลแห่งความรักมากนัก เพราะในทางกลับกัน ผู้บริโภคชาวอเมริกันกลับจัดลำดับความสำคัญกับบุคคลสำคัญมากกว่า
โดยในปีที่ผ่านมา เหล่านักช้อปอาจซื้อของขวัญวันวาเลนไทน์ไม่เพียงในความหมายสำหรับคู่รักเท่านั้น แต่เพื่อรำลึกถึงความสัมพันธ์ฉันมิตรกับครูของลูกๆ หรือเพื่อนสนิท ทำให้ปีนี้มีแนวโน้มที่จะซื้อของขวัญน้อยลง
“ชาวอเมริกันมองการใช้จ่ายในช่วงวาเลนไทน์เป็นเรื่องปกติ เพราะอาจเก็บเงินไว้ซื้อความสัมพันธ์ที่ไม่โรแมนติกในชีวิต” แคเธอรีน คัลเลน รองประธาน NRF กล่าว
และสินค้าสุดฮอตที่จะมอบให้กันมักจะเป็นเครื่องประดับ ดอกไม้ เสื้อผ้า แต่การออกไปดินเนอร์ในปีนี้จะสูงเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ โดยรวมแล้วผู้บริโภคจำนวนมากยังคงรู้สึกสบายใจทางการเงิน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลง และการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วชาวอเมริกันจะค่อนข้างเลือกการใช้จ่ายมากขึ้นหลังช่วง การระบาดของโควิด จึงปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายช่วงวาเลนไทน์โดยโฟกัสไปที่คนสำคัญมากกว่าคู่รัก
ด้าน YouGov ระบุว่า ปีนี้เทรนด์ตลาดเป็นโอกาสของหลายๆ แบรนด์ในการเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่อายุน้อย โสด กลุ่ม Gen Z หรือไม่ค่อยให้ความสัมพันธ์ในเทศกาลวันวาเลนไทน์
โดยควรมุ่งเจาะไปที่สินค้า เช่น เทียนหอม ชุดชั้นใน เครื่องสำอาง เนื่องจากทิศทางการตลาดปีนี้ชาวอเมริกันให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์แบบเป็นกันเอง และชาว Gen Z มักใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก ซึ่งเห็นได้จากเทรนด์การออกเดตของ TikTok ซึ่งปีนี้จะเห็นได้จากเทรนด์การออกเดตของ TikTok ที่นำเสนอประวัติการออกเดตนำมาสร้างเป็นละครบน Spotify Wrapped
อ้างอิง:
