วันนี้ (27 กุมภาพันธ์) ที่กระทรวงยุติธรรม ฝ่ายความมั่นคงของประเทศไทย ประกอบด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, พล.ต.ต. ธนิต ไทยวัชรามาศ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
พร้อมด้วย ฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และ พล.ต.อ. ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ประชุมผ่านระบบ Video Conference มาจากเมืองซินเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกันหารือกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกลับจีน
ภายหลังประชุมหารือกันเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ได้มีการจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีทางการจีนทำหนังสืออย่างเป็นทางการให้ไทย ขอให้ส่งคนจีนเชื้อสายอุยกูร์ รัฐบาลจีนยืนยันว่าบุคคลดังกล่าวเป็นชาวจีนทั้งหมดพร้อมส่งเอกสารหลักฐานยืนยัน แล้วมีความผิดเพียงเล็กน้อยเรื่องการออกนอกประเทศโดยไม่ถูกกฎหมาย ดังนั้นเมื่อกลับถึงประเทศจีนก็จะได้รับอนุญาตให้กลับสู่ครอบครัวโดยตรง
ด้านฉัตรชัยเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีให้นำคณะมาติดตามการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งได้ไปรอถึงหน้าประตูเครื่องบินอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีน รวมถึงตำรวจระดับสูงจากมณฑลซินเจียงมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย เมื่อเครื่องบินลงจอดก็ได้นำตัวคนป่วยออกมาก่อนเป็นลำดับแรก ซึ่งได้รับการดูแลเป็นอย่างดี และได้นำเข้าสู่การรักษาพยาบาลต่อไป และมีญาติพี่น้องทยอยมารอรับคนที่เหลือ แต่ละคนมีอาการปกติและได้เดินมาสวมกอดกัน
ขณะที่ภูมิธรรมกล่าวว่า เราจับตัวเขามากักขังไว้ 10 กว่าปี ซึ่งเราไม่ได้ต้องการทำแบบนั้นเพราะมีโทษไม่มาก แนวทางที่ผ่านมาเราพยายามส่งกลับไปประเทศที่ 3 เว้นแต่ว่าเจ้าของประเทศทำคำขอมา เราก็จะพิจารณาว่าเขาสมัครใจกลับหรือไม่ กลับไปแล้วจะเจอกับอะไร เราต้องการความมั่นใจเพราะสาธารณชนก็มีคำถามว่าส่งตัวกลับไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
“นี่เป็นสาเหตุที่เราต้องคุมขังเขาอยู่ถึง 10 กว่าปี เนื่องจากไม่มีประเทศใดรับ จริงๆ เราไม่ได้อยากให้เขาถูกคุมขังอยู่กับเรา สิ่งที่เรากระทำไปก็ไม่เหมาะสมในสิทธิมนุษยชน แต่ในเมื่อไม่มีคนรับไปเราก็ต้องดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราไม่ได้หยุด ทุกปีเราพยายามหา แต่เนื่องจาก 10 ปีแล้วก็เกินพอ ก็อาจจะเป็นความผิดพลาดตรงนี้ได้”
จากนั้นได้มีการเปิดภาพและวิดีโอการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปถึงประเทศจีนให้สื่อมวลชนได้รับชม โดยภูมิธรรมยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏจะเป็นตัวฟ้องข้อเท็จจริง และเชื่อว่าจะได้เป็นที่ยอมรับไม่ว่าในประเทศไหน
“เรื่องนี้ดราม่ามันเยอะ นี่ขนาดยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ถล่มรัฐบาลจนจะพังอยู่แล้ว จึงได้รีบมาแถลงเพื่อให้รู้ข้อเท็จจริง ไม่อยากให้กังวลว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วเที่ยวมาพูดให้เกิดความสับสน ยิ่งทำให้ต่างประเทศบางส่วน ไม่เข้าใจโดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง ผู้ที่รับกรรมที่สุดคือประเทศไทยและประชาชนไทย” ภูมิธรรมกล่าว
ภูมิธรรมเน้นย้ำว่า วัตถุประสงค์ของการดำเนินการคือเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และไม่ให้ปัญหาคั่งค้าง แต่ไม่ได้อยากทำเพื่อโชว์ ขอให้ทำสำเร็จไปก่อน ควรจะชื่นชมประเทศไทยที่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อมนุษยชาติ น่าจะดีใจมากกว่าที่เอาเขาออกจากที่คุมขังแล้วพบญาติพี่น้อง อยากให้สื่อมวลชนทั้งหมดไม่ต้องเข้าข้างรัฐบาล เพียงทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งภาพจะเล่าเรื่องได้ดีกว่า