สหรัฐฯ เปิดคูหาเลือกตั้งทั่วประเทศในวันนี้ (6 พ.ย.) เพื่อเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 435 ที่นั่ง, สมาชิกวุฒิสภา 35 ที่นั่งจาก 100 ที่นั่ง (1 ใน 3) และผู้ว่าการมลรัฐใน 36 รัฐจาก 50 รัฐ โดยคาดว่าจะมีชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิ์เลือกผู้สมัครสูงถึง 80% ขณะที่ศึกเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้ได้รับการจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเปรียบเสมือนการลงประชามติว่าพอใจผลงานในช่วง 2 ปีแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ อีกทั้งเป็นการชี้ชะตาด้วยว่ารีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสต่อหรือไม่ เพื่อที่ทรัมป์จะสามารถผลักดันนโยบายและกฎหมายต่างๆ ได้อย่างราบรื่น
ก่อนหน้านี้มีชาวอเมริกันราว 34.3 ล้านคนที่ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว ซึ่งมากกว่าศึกเลือกตั้งกลางสมัยในปี 2014 ซึ่งมีทั้งสิ้น 27.5 ล้านคน ส่วนในรัฐเท็กซัสมีผู้โหวตล่วงหน้ามากกว่าจำนวนผู้ที่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในปี 2014 เสียอีก
สำหรับการปิดคูหาในหลายหน่วยจะเริ่มตั้งแต่ 18.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก หรือตรงกับเวลา 6.00 น. ของเช้าวันที่ 7 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย
ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ทรัมป์ได้ตระเวนหาเสียงให้กับพรรครีพับลิกันใน 3 รัฐ โดยประกาศว่า “ทุกสิ่งที่เราประสบความสำเร็จมาขึ้นอยู่กับผลเลือกตั้งในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.)”
ขณะที่ บารัก โอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ทวีตข้อความหาเสียงให้กับพรรคเดโมแดรต โดยระบุว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการโหวตที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราเลยก็ว่าได้ และคาแรกเตอร์ของประเทศเราก็ขึ้นอยู่กับการลงคะแนนเสียงครั้งนี้”
ทั้งนี้โพลสำรวจจากสำนักข่าวชั้นนำอย่าง ABC / Washington Post และ NBC / Wall Street Journal พบว่าพรรคเดโมแครตมีคะแนนนำพรรครีพับลิกันของทรัมป์ประมาณ 7-8 จุด ขณะที่โพล FiveThirtyEight ระบุว่าเดโมแครตมีโอกาส 87.3% ที่จะชนะรีพับลิกันและได้ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่สำหรับวุฒิสภานั้น รีพับลิกันยังมีโอกาส 83.3% ที่จะครองเสียงข้างมากต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
