วันนี้ (16 มีนาคม) พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงการเข้าควบคุมสถานการณ์พันตำรวจโทที่คลุ้มคลั่งในบ้านพักย่านสายไหม และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชเมื่อวานที่ผ่านมา (15 มีนาคม) โดยขอแสดงความเสียใจกับญาติของผู้เสียชีวิต และยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากต่อการเจรจา ตำรวจได้พยายามทุกวิถีทางในการระงับเหตุแล้ว แต่ทางพันตำรวจโทไม่มีท่าทีสงบและไม่ยอมวางอาวุธ ชุดปฏิบัติการจึงตัดสินใจเข้าจับกุม
ทั้งนี้ ชุดอรินทราชได้มีการใช้กระสุนจริงในการปฏิบัติการ เนื่องจากพันตำรวจโทมีอาวุธที่เป็นกระสุนจริงอยู่ด้วย และมีการโต้ตอบเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา ทำให้ชุดปฏิบัติการจำเป็นต้องมีอาวุธที่เท่าเทียมกับผู้ก่อเหตุ แต่ก็มีทั้งกระสุนยางและปืนไฟฟ้าร่วมด้วย โดยขั้นตอนการปฏิบัติตามแผนได้มอบหมายให้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการเจรจาตลอดทั้ง 2 วัน ก่อนเข้าปฏิบัติการ ได้มีการประเมินร่วมกับแพทย์จิตเวช กรมสุขภาพจิตอยู่ตลอด เพื่อวางแผนเข้าระงับเหตุ แต่ด้วยสภาวะความเครียดของพันตำรวจโทที่ไม่ยอมรับข้อเสนอทั้งหมด แม้กระทั่งตนที่ได้โทรศัพท์พูดคุยด้วยเป็นภาษาเหนือแล้ว แม้ในช่วงแรกจะไว้ใจแล้วแต่ก็ไม่ยอมวางอาวุธและพูดจาไม่รู้เรื่อง จึงตัดสินใจเข้าปฏิบัติการ
สาเหตุที่พันตำรวจโทคลุ้มคลั่งน่าจะมาจากสภาวะจิตที่ไม่ปกติ ก่อนหน้านี้ทราบว่ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ และปกปิดอาการ ส่วนเรื่องความเครียดในการทำงานน่าจะไม่มี เนื่องจากผ่านเกณฑ์การทดสอบทางจิตใจมาแล้ว และการโยกย้ายมาปฏิบัติงานด้านการข่าวของตำรวจสันติบาลเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็เป็นความสมัครใจ เนื่องจากเป็นงานที่ถนัดกว่างานที่อยู่กองบัญชาการศึกษา และเพิ่งมีอาการผิดปกติ 5 วันก่อนเกิดเหตุที่ไม่มาปฏิบัติราชการ ผู้บังคับบัญชาจึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่ก็พบว่าพูดจาผิดปกติ จึงนำแพทย์ไปรับตัวที่บ้านเพื่อมารักษา แต่ก็ถูกปฏิเสธและโต้ตอบกลับด้วยอาวุธ
พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า หลังจากเหตุกราดยิงที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการคัดกรองสภาพจิตของตำรวจทั่วประเทศไปแล้ว แต่ก็ยังพบว่ามีตำรวจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เข้าข่ายมีอาการทางจิตและประสาท หลังจากนี้ก็จะกำหนดมาตรการให้เข้มข้นขึ้น รวมทั้งให้ประชุมเพื่อสำรวจและคัดกรองตำรวจกลุ่มเสี่ยงในวันจันทร์ที่ 20 มีนาคมนี้