เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงความวิตกกังวลว่า จีนอาจพยายามประกาศ ‘เขตห้ามบิน’ เหนือน่านฟ้าไต้หวัน เพื่อขัดขวางทริปการเดินทางของ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังกังวลว่าจีนอาจเลือกตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบินขับไล่เข้ามาบินในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (Air Defense Identification Zone) ของไต้หวัน ซึ่งอาจส่งผลให้ไต้หวันและสหรัฐฯ ต้องออกมาตรการตอบโต้ และนั่นจะยิ่งทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น
แม้ในปีนี้จะมีสมาชิกสภาคองเกรสและอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ หลายคนที่เดินทางเยือนไต้หวัน แต่ทริปการเดินทางของเพโลซีจะนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่สหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างประธานสภาผู้แทนราษฎรไปเยือนไต้หวัน
ขณะเดียวกัน ไบเดนเองก็ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับทริปการเดินทางเยือนไต้หวันของเพโลซีด้วย โดยระบุว่า “กองทัพมองว่าเวลานี้อาจจะยังไม่เหมาะสม แต่ผมเองไม่ทราบความเป็นไปล่าสุดเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (21 กรกฎาคม) เพโลซียังคงยืนยันว่าการออกโรงสนับสนุนไต้หวันเป็นสิ่งจำเป็น แต่เธอจะขอไม่พูดถึงประเด็นเกี่ยวกับทริปการเดินทางใดๆ โดยอ้างถึงเหตุผลด้านความมั่นคง พร้อมระบุว่า เธอได้รับฟังความคิดเห็นโดยนัยของไบเดนมาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินจากปากประธานาธิบดีเองโดยตรง
“ฉันคิดว่าสิ่งที่ประธานาธิบดีพูดคือ บางทีทหารอาจกลัวเครื่องบินของฉันถูกยิงตกหรืออะไรทำนองนั้น ฉันไม่รู้ความหมายที่แน่นอน” เพโลซีกล่าว
อนึ่ง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา จีนได้ส่งเครื่องบินรบเข้าไปในเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวันอยู่หลายครั้ง แม้การกระทำดังกล่าวจะไม่ได้เป็นการละเมิดกฎหมายสากล แต่ก็ทำให้ไต้หวันต้องออกมาตรการป้องกันภัย โดยเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ไต้หวันเปิดเผยว่าได้ส่งเครื่องบินขับไล่เพื่อเตือนเครื่องบินรบ 30 ลำที่จีนส่งเข้าไปยังเขตป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการบุกรุกของจีนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้จีนยุติการกระทำที่เป็นการข่มขู่ไต้หวัน
ภาพ: Nathan Howard / Getty Images
อ้างอิง:
