กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัปดาห์ที่แล้วลดลง 12,000 ราย มาอยู่ที่ 375,000 ราย ตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าฟื้นตัวได้ดี แม้มีปัจจัยเสี่ยงจากการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวก็ยังคงสูงกว่าระดับ 230,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิดเมื่อปีที่แล้วในสหรัฐฯ
ขณะที่จำนวนชาวสหรัฐฯ ที่ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยรวมยังลดลงอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ 2.866 ล้านรายในปัจจุบัน และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าสายพันธุ์เดลตาจะขวางการจ้างงานหรือปลดคนงานออกแต่อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจกิจการขนาดเล็กมากกว่า 2,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ หรือ Momentive Small Business Survey โดยสถานีโทร CNBC ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม พบว่า 6 ใน 10 ของเจ้าของกิจการ SMEs ในสหรัฐฯ ยอมรับว่า โควิดสายพันธุ์เดลต้าทำให้จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทิศทางและมุมมองต่อเศรษฐกิจในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้
ทั้งนี้เจ้าของกิจการมากกว่าครึ่งยอมรับว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สถานะของธุรกิจยังคงอยู่ใต้น้ำ กล่าวคือถ้าคะแนนเต็ม 100 เจ้าของกิจการให้คะแนนธุรกิจตนเองในช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยที่ 45 คะแนน แต่มีแนวโน้มในทางบวก หลังรัฐบาลเร่งกระจายวัคซีนและหลายพื้นที่เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
โดยแต่เดิมคาดหวังว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายในทางบวก แต่จากอัตราการระบาดของเดลตา ทำให้ 66% ของเจ้าของกิจการโดยเฉพาะกิจการที่ต้องให้ลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร และร้านทำผม ยอมรับว่าแม้ที่ผ่านมาจะสามารถประคองธุรกิจเอาไว้ได้ แต่หากยังไม่สามารถเปิดร้านได้ตามปกติในเร็ววันเพราะสายพันธุ์เดลตา เกรงว่าอาจจะต้องเลิกกิจการไป มีเพียง 48% ของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมบันเทิง ศิลปะ และสันทนาการ ที่ระบุว่าสามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดจนถึงปีหน้า หากว่าสถานการณ์การระบาดยังคงเป็นแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อ้างอิง: