เช้าวันนี้ตามเวลาไทย (8 กุมภาพันธ์) หรือตรงกับเวลา 21.00 น. ของวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตามเวลาสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ขึ้นแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส หรือที่เรียกว่า State of the Union ตามคำเชิญของ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองของไบเดนที่ได้มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภาในฐานะผู้นำสหรัฐฯ (State of the Union จะไม่นับรวมการแถลงต่อสภาคองเกรสในปีแรกหลังสาบานตนรับตำแหน่ง)
สิ่งที่น่าจับตาคือ นอกจากนี่จะเป็นการแถลงนโยบายประจำปีเป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรสชุดใหม่ ซึ่งมีพรรครีพับลิกันที่พลิกกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรแล้ว การแถลงครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่มีประเด็นของบอลลูนสอดแนมจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมถึงสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ใกล้เวียนมาครบ 1 ปี อีกทั้งหลายฝ่ายยังจับตาด้วยว่า ไบเดนจะใช้โอกาสนี้ในการ ‘หาเสียง’ แบบกลายๆ อย่างไร ก่อนที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเปิดฉากขึ้นในปี 2024 เพื่อกู้คืนคะแนนความนิยมที่อยู่ในระดับซบเซา
ไบเดนพูดอะไรกับชาวอเมริกัน และส่งสารใดให้ประชาคมโลกได้รับรู้บ้าง ตลอดระยะเวลาการแถลงนาน 1 ชั่วโมง 13 นาที THE STANDARD ได้สรุปมาไว้ที่นี่แล้ว
State of the Union คืออะไร
- ก่อนที่จะเข้าสาระสำคัญของการแถลงในวันนี้ THE STANDARD ขออนุญาตปูพื้นความรู้กันก่อนว่า State of the Union คืออะไร สำคัญอย่างไร ทำไมถึงเป็นวาระแห่งปีที่หลายฝ่ายต้องจับตา
- State of the Union คือการแถลงนโยบายประจำปี และการรายงานผลงานในรอบปีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อสภาคองเกรส ณ อาคารรัฐสภา (U.S. Capitol) ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการแถลงมักจัดขึ้นในวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ และได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากชาวอเมริกันทั่วประเทศ เนื่องจากพวกเขาต้องการฟังผลงานและการจัดลำดับความสำคัญในด้านนโยบายของประธานาธิบดีในปีนั้นๆ
- โดยเมื่อปีที่ผ่านมา มีประชาชนที่รับชมการแถลงนี้ผ่านทางโทรทัศน์มากถึง 38.2 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไบเดนได้แถลงในฐานะประธานาธิบดี
อเมริกาต้องมาก่อน…ส่วนนโยบายต่างประเทศเอาไว้ทีหลัง
- อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วช่วงต้นว่า การแถลงนโยบายในครั้งนี้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เกิดเหตุบอลลูนสอดแนมของจีนลอยรุกล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายจับจ้องเป็นพิเศษว่า ไบเดนจะพูดถึงกรณีนี้อย่างไร และจะกลายเป็นประเด็นใหญ่ใน State of the Union รอบนี้หรือไม่
- แต่เป็นที่น่าผิดหวังว่าไบเดนแตะประเด็นนี้น้อยกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้มาก โดยกล่าวเพียงประโยคสั้นๆ ว่า เขาพร้อมจะร่วมมือกับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีน แต่ในขณะเดียวกันก็ให้คำมั่นว่า สหรัฐฯ จะต้องมาก่อนเสมอ
- “ผมมุ่งมั่นที่จะประสานงานกับจีนเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้กับสหรัฐอเมริกาและโลกใบนี้” ไบเดนกล่าว “แต่อย่าเข้าใจผิด อย่างที่เราได้ประกาศอย่างชัดเจนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า หากจีนคุกคามอธิปไตยของเรา เราจะดำเนินการปกป้องประเทศของเรา และเราได้ทำไปแล้ว” และนี่คือทั้งหมดสำหรับประเด็นเรื่องบอลลูนสอดแนม
- ส่วนนโยบายต่างประเทศที่เคยเป็นประเด็นใหญ่ในการแถลงเมื่อปีที่ผ่านมาอย่างกรณีสงครามยูเครน-รัสเซีย ก็มีการพูดถึงค่อนข้างน้อยในการแถลงรอบใหม่ โดยไบเดนได้กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐฯ ซึ่งมาร่วมเข้าฟังการแถลงในอาคารรัฐสภาด้วย พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ ยังคงพร้อมที่จะส่งมอบความช่วยเหลือให้กับยูเครนต่อไป ในช่วงเวลาที่สงครามใกล้เวียนมาครบ 1 ปีแล้ว
- “เราเป็นแกนนำ เราเป็นหนึ่งเดียวกับ NATO เราสร้างพันธมิตรทั่วโลก เรายืนหยัดต่อต้านการรุกราน (ยูเครน) ของปูติน เรายืนหยัดร่วมกับชาวยูเครนทุกคน ค่ำคืนนี้เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสหรัฐอเมริกาอยู่กับเราที่นี่ ท่านไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวแทนถึงความกล้าหาญของประชาชนชาวยูเครนทั้งหมด”
- อย่างไรก็ตาม ไบเดนไม่ได้ใช้เวทีนี้ในการเรียกร้องให้ยกระดับความช่วยเหลือให้กับยูเครน
- นอกจากนี้ ไบเดนยังไม่ได้พูดถึงเหตุภัยพิบัติใหญ่อย่างเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงแมกนิจูด 7.8 ที่เขย่าตุรกีและซีเรียเมื่อต้นสัปดาห์นี้ หรือแม้แต่แตะประเด็นวิกฤตมนุษยธรรมในซีเรียที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย โดยส่วนใหญ่นั้น ไบเดนเน้นย้ำแต่เรื่องประเด็นความสำเร็จและปัญหาที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ซึ่งในส่วนนี้สำนักข่าว BBC ได้ทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจว่า ‘มีคำกล่าวไว้ว่าอเมริกาจะสนใจเรื่องนโยบายต่างประเทศก็ต่อเมื่อมีทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตในต่างแดน และสปีชของไบเดนวันนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสะท้อนคำพูดนั้น’
ปัญหาปากท้องคือเรื่องใหญ่
- ผลการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนคนทั่วไประบุว่า สิ่งที่พวกเขาสนใจและให้ความสำคัญมากที่สุดคือเรื่องของเศรษฐกิจ เพราะมันเป็นสิ่งที่กระทบต่อปากท้องของทุกคน โดยคนจำนวนมากมองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าแบบทุลักทุเล และหากตัวเลขของนักวิเคราะห์บอกว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวแล้วละก็…พวกเขาไม่เห็นรู้สึกแบบนั้น
- ด้วยเหตุนี้ สปีชของไบเดนรอบนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างยิ่งยวดของผู้นำสหรัฐฯ ที่หวังจะเปลี่ยนความคิดของประชาชน รวมถึงใช้โอกาสนี้ในการพูดถึงความสำเร็จของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบใหม่ที่จะมีขึ้นในปี 2024
- ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลของเขาได้สร้างงานใหม่ถึง 12 ล้านตำแหน่ง ด้วยความช่วยเหลืออย่างล้นหลามจากสมาชิกสภาคองเกรสที่รับฟังการแถลงอยู่ในอาคารรัฐสภาแห่งนี้ พร้อมระบุว่า ตำแหน่งงานทั้ง 12 ล้านตำแหน่งถูกสร้างขึ้นในเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งเป็นจำนวนมากกว่าที่อดีตประธานาธิบดีทุกคนเคยทำได้ในระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 4 ปี ส่วนอัตราว่างงานอยู่ที่ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี อีกทั้งยังมีชาวอเมริกันมากถึง 10 ล้านคนที่เริ่มทำธุรกิจขนาดเล็กตลอดช่วง 2 ปีในการดำรงตำแหน่งของเขา
- โดยไบเดนได้เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในเวลาไม่ถึง 1 ปีหลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ซบเซาอย่างหนัก จนมีการเลิกจ้างงานหลายล้านตำแหน่งในช่วงสองเดือน คือเดือนมีนาคมและเมษายน 2020 จากการแพร่ระบาดของโควิด และถึงแม้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเร่งฟื้นฟูการจ้างงานแทบจะในทันทีหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ให้ไบเดนต้องช่วยรับช่วงต่อ ซึ่งถือว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดีในจุดนี้
- นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อและราคาพลังงานที่เคยปรับตัวขึ้นนั้นได้ลดระดับลงแล้ว รวมถึงกล่าวถึงความสำเร็จด้านการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ที่ช่วยยกระดับฐานอุตสาหกรรมของประเทศ
ย้ำพร้อมทำงานร่วมรีพับลิกัน
- ภายใต้สภาวะที่สภาคองเกรสแตกเป็นสองขั้ว การที่ไบเดนจะผ่านร่างกฎหมายใดๆ ได้นั้น เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากรีพับลิกันด้วย ซึ่งถือว่าเป็นงานยากสำหรับผู้นำสหรัฐฯ ในช่วง 2 ปีที่เหลือ ทำให้การแถลงครั้งนี้ไบเดนได้เอ่ยวาจาในเชิงหยิบยื่นมิตรภาพให้กับรีพับลิกันตั้งแต่เริ่มการแถลง
- ไบเดนกล่าวกับสมาชิกพรรครีพับลิกันว่า เขาพร้อมที่จะสานต่อการทำงานร่วมกับพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสชุดใหม่ โดยกล่าวว่า “ใครๆ มักจะพูดเสมอว่าเดโมแครตและรีพับลิกันร่วมงานกันไม่ได้หรอก แต่ช่วงระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เราแสดงให้คนที่ชอบถากถางและเอาแต่พูดเห็นแล้วว่าพวกเขาคิดผิด ใช่ เราเห็นต่างกันก็หลายครั้ง และก็จริงที่ว่ามีบางช่วงเวลาที่เดโมแครตบินเดี่ยว แต่สุดท้ายก็มีหลายครั้งที่เดโมแครตและรีพับลิกันตกลงร่วมมือกัน”
- ไบเดนกล่าวว่าทั้งสองพรรคได้ร่วมกันปกป้องยุโรป รวมถึงผ่านร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การลงทุนด้านเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตไมโครชิป ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน และกฎหมายอื่นๆ อีกกว่า 300 ฉบับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในขณะที่ไบเดนแถลงนั้น ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังเขาก็คือแมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คนล่าสุดจากพรรครีพับลิกัน โดยแมคคาร์ธีได้ปรบมือแสดงความชื่นชมต่อไบเดนอย่างสุภาพ รวมถึงแสดงรอยยิ้มอยู่เป็นระยะด้วย
เสียงโห่จากรีพับลิกัน
- แม้จะหยอดคำหวานไปในช่วงต้น แต่สุดท้ายไม้เบื่อไม้เมาอย่างเดโมแครตและรีพับลิกันก็ต้องมีซีนการกระทบกระทั่งให้เห็นทุกครั้งไป
- ในการแถลงครั้งนี้เป็นไปตามคาดว่า ไบเดนได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มเพดานหนี้ขึ้นจากเดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สหรัฐฯ ผิดชำระหนี้
- ในการแถลงต่อสภาคองเกรส ไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลของตนเองสามารถลดการขาดดุลการค้าได้มากกว่า 1.7 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงสุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ โดยเปรียบเทียบว่าในสมัยของทรัมป์นั้น ยอดการขาดดุลของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดในช่วง 4 ปี และไม่มีประธานาธิบดีคนใดที่สร้างหนี้ให้กับประเทศในช่วง 4 ปีมากเท่าทรัมป์อีกแล้ว ซึ่งในจังหวะนี้เรียกเสียงโห่จากสมาชิกพรรครีพับลิกันไปมากพอสมควร
- ไบเดนกล่าวเสริมว่า “เกือบ 25% ของหนี้รัฐบาลที่ใช้เวลาสะสมกว่า 200 ปี เกิดขึ้นในรัฐบาลเพียงรัฐบาลเดียว (รัฐบาลของทรัมป์) มันคือข้อเท็จจริง…สภาคองเกรสได้ตอบสนองต่อเรื่องนั้นอย่างไรน่ะหรือ พวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขาเพิ่มเพดานหนี้ถึง 3 ครั้งโดยไม่มีเงื่อนไขเบื้องต้นหรือวิกฤตใดๆ พวกเขาจ่ายหนี้ของอเมริกาเพื่อป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจในประเทศของเรา”
- “ฉะนั้นในค่ำคืนนี้ ผมขอเรียกร้องให้สภาคองเกรสแห่งนี้ดำเนินการตามความเหมาะสมอีกครั้ง” ไบเดนกล่าว
- นอกจากนี้ ไบเดนยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนเก็บภาษีฉบับใหม่ที่มีชื่อว่า ‘ภาษีรายได้ขั้นต่ำของอภิมหาเศรษฐี’ หรือ Billionaire Minimum Income Tax ที่จะกำหนดให้ครัวเรือนชาวอเมริกันที่มีรายได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต้องจ่ายภาษีอย่างน้อย 20% ของรายได้เต็มด้วย
- ต่อมาไบเดนได้กล่าวโทษว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันบางส่วนได้เสนอให้รัฐบาลยกเลิกโครงการประกันสังคมและประกันสุขภาพผู้สูงอายุ (Social Security and Medicare) อันเป็นโครงการเกษียณอายุและประกันสุขภาพของรัฐบาลซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากประชาชน ซึ่งเรียกเสียงโห่จากรีพับลิกันไปอย่างหนัก ขณะที่ มาร์จอรี เทย์เลอร์ กรีน (Marjorie Taylor Greene) ส.ส. พรรครีพับลิกัน ถึงกับลุกขึ้นมาตะโกนเสียงดังว่า “คนโกหก!” ส่วนแมคคาร์ธีที่ก่อนหน้านี้ยิ้มอยู่เป็นระยะก็เริ่มทำหน้าบึ้งให้เห็น
เรียกร้องปฏิรูปวงการตำรวจ
- การแถลง State of the Union ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเกิดเรื่องสะเทือนใจขึ้นในสังคมอเมริกันเมื่อปลายเดือนมกราคม เมื่อ ไทร์ นิโคลส์ ชายผิวดำวัย 29 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายอย่างทารุณจนอาการโคม่า ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในอีก 3 วันต่อมา ซึ่งแน่นอนว่านิโคลส์ไม่ใช่คนผิวดำคนแรกที่โดนตำรวจทำเกินกว่าเหตุ เขาเป็นแค่ ‘เหยื่อรายล่าสุด’ จากวงจรความเกลียดชังและการเหยียดชาติพันธุ์ที่ยังวนเวียนอยู่ในดินแดนแห่งนี้
- โดยในระหว่างการแถลง โรว์วอห์น เวลส์ แม่ของ ไทร์ นิโคลส์ ได้เข้าร่วมรับฟังในฐานะแขกพิเศษ ซึ่งไบเดนก็ได้กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิรูปวงการตำรวจ รวมถึงกฎหมายการควบคุมปืนฉบับใหม่ด้วย ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สะเทือนอารมณ์ใครหลายคน
- แต่ถึงเช่นนั้น นักวิเคราะห์มองว่าความพยายามทั้งสองประเด็นที่ไบเดนพูดมานั้น มีโอกาสประสบความสำเร็จไม่มากนัก เพราะหากสภาคองเกรสจะพร้อมใจกันผ่านร่างกฎหมายฉบับใหม่ ประเด็นที่น่าจะมีโอกาสสำเร็จสูงกว่าอาจเป็นเรื่องของการจัดการกับปัญหา ‘ค่าธรรมเนียมแฝง’ เช่น ค่าธรรมเนียมธนาคาร ค่าธรรมเนียมรีสอร์ต และค่าธรรมเนียมที่นั่งของสายการบินต่างๆ ที่ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นเกินควร ซึ่งไบเดนได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดถึง
- “ค่าธรรมเนียมขยะ (Junk Fees) อาจไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับคนรวย แต่มันเป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่” ไบเดนกล่าว
ภาพ: Jabin Botsford / The Washington Post via Getty Images
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2023/02/07/politics/takeaways-biden-state-of-the-union-address/index.html
- https://www.reuters.com/world/us/biden-faces-hostile-lawmakers-skeptical-voters-state-union-speech-2023-02-07/
- https://www.reuters.com/world/us/biden-vows-protect-country-state-union-speech-refers-china-balloon-2023-02-08/
- https://www.bbc.com/news/world-us-canada-64519394