การเจรจาสันติภาพเพื่อหาแนวทางยุติสงครามยูเครนเปิดฉากขึ้นที่กรุงริยาดของซาอุดีอาระเบียวานนี้ (18 กุมภาพันธ์) โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐอเมริกาและรัสเซียร่วมโต๊ะเจรจา แต่ปราศจากผู้แทนของยูเครนที่ไม่ได้รับเชิญ
ผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ นำทีมโดย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง และ ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ
ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียมี ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาด้านนโยบายต่างประเทศของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และ เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ส่วนอีกคนที่อยู่ในรายชื่อแต่ไม่ได้เข้าร่วมวงเจรจาคือ คิริลล์ ดมิตรีเยฟ ซีอีโอกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย
การเจรจามีขึ้นนานกว่า 4 ชั่วโมง โดยรูบิโอแถลงภายหลังว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันในหลักการ 4 ประการ ได้แก่
- การฟื้นฟูภารกิจการทูตระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย เพื่อที่จะเดินหน้าความพยายามในการเจรจาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีสถานที่สำหรับปฏิบัติงานทางการทูตได้ตามปกติทั้งในกรุงวอชิงตันและมอสโก
- แต่งตั้งทีมเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากสหรัฐฯ และรัสเซีย เพื่อช่วยในการเจรจาและดำเนินการจนสิ้นสุดความขัดแย้งในยูเครน ด้วยวิธีที่ยั่งยืนและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- เริ่มการหารือและพิจารณาความร่วมมือ ทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการยุติสงครามในยูเครน
- ผู้แทนจากสหรัฐฯ และรัสเซีย ทั้ง 5 คน จะยังคงมีส่วนร่วมในกระบวนการสันติภาพนี้ต่อไป เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการเดินหน้ากระบวนการไปในทางที่สร้างสรรค์
ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงชื่นชมการเจรจาว่าเป็นไปด้วยดีมากๆ แต่มองว่ารัสเซียยังต้องดำเนินการบางอย่าง และเผยว่าเขากับปูตินอาจพบกันภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ทางด้านลาฟรอฟเผยว่า การเจรจาที่เกิดขึ้นถือเป็นประโยชน์ โดยฝ่ายรัสเซียยังยืนยันท่าทีเดิมที่คัดค้านไม่ให้ยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO และปฏิเสธแนวคิดที่ว่าพันธมิตรของ NATO อาจเข้าไปทำหน้าที่กองกำลังรักษาสันติภาพภายในยูเครนหลังจากบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ท่าทีดังกล่าวเป็นการตอบโต้ข้อเสนอของ เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร ที่ก่อนหน้านี้แสดงความพร้อมส่งกองกำลังรักษาสันติภาพไปยังยูเครน เพื่อเป็นหลักประกันในการรักษาข้อตกลงสันติภาพ
ดมิตรีเยฟกล่าวว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียที่เกิดขึ้นครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ หลังจากที่ทั้งสองประเทศมีท่าทีเป็นปรปักษ์กันมานานหลายปี
ยูเครนไม่ยอมรับการเจรจา
ด้าน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน แถลงข่าวที่กรุงอังการาของตุรกีภายหลังการเจรจาดังกล่าว โดยยืนยันว่า ยูเครนจะไม่ยอมทำตาม ‘คำขาด’ ของรัสเซียในการเจรจาที่ไม่มียูเครนเข้าร่วม
นอกจากนี้ เขายังแสดงท่าทีต่อต้านการเจรจาสันติภาพที่เกิดขึ้นโดยปราศจากยูเครน ด้วยการตัดสินใจเลื่อนแผนการเยือนซาอุดีอาระเบียที่เดิมกำหนดไว้ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ เพื่อไม่ให้การเจรจาดังกล่าวมีความชอบธรรม
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รูบิโอยืนยันว่าการเจรจาครั้งนี้ยังเป็นเพียงนัดแรกและจะมีการเจรจาอีกหลายครั้ง โดยหากการพูดคุยมีความคืบหน้าไปถึงจุดหนึ่ง ฝ่ายยูเครนและผู้นำชาติยุโรปก็จะได้มีส่วนร่วมในการเจรจาอย่างแท้จริง
หารือยุติสงครามคืบหน้าแค่เล็กน้อย
ทั้งนี้ แคลร์ เซบาสเตียน ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว CNN วิเคราะห์การเจรจาสันติภาพนัดแรกนี้ว่า นอกจากเรื่องความคืบหน้าเล็กน้อยในประเด็นที่เกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน โต๊ะเจรจานี้ยังเป็นการเปิดพื้นที่ประชาสัมพันธ์ที่ช่วยฟื้นฟูบทบาทของรัสเซียบนเวทีโลก
ขณะเดียวกันยังเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐฯ มองเห็นโอกาสอื่นๆ ในการยุติสงครามครั้งนี้ นอกเหนือจากเรื่องการช่วยชีวิตผู้คน
ภาพ: Evelyn Hockstein / Pool / Reuters
อ้างอิง: