สหรัฐฯ ยังคงทำงานแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาและกู้ซากเครื่องบินขับไล่แบบ F-35C ของกองทัพเรือที่ตกกระแทกดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Carl Vinson ก่อนจมลงสู่ก้นทะเลจีนใต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์มองว่าจีนกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดและต้องการไปถึงซากเครื่องบินก่อน ซึ่งเครื่องบินรบที่สามารถหลบหลีกเรดาร์ดังกล่าวมีเทคโนโลยีสุดล้ำที่สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้จีนเข้าถึง
อุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ทำให้ลูกเรือบาดเจ็บ 7 คน โดยนักบินสามารถดีดตัวออกมาได้ทัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ยังเป็นคำถาม ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯ ไม่ได้ยืนยันจุดที่เครื่องบินมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์ตก และยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะใช้เวลากู้ซากนานเท่าใด
ปัจจุบันจีนอ้างกรรมสิทธิ์เหนือน่านน้ำเกือบทั้งหมดในทะเลจีนใต้ รวมถึงเกาะต่างๆ และได้ส่งเรือและเครื่องบินออกลาดตระเวนมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สหรัฐฯ และนานาชาติไม่ยอมรับการกล่าวอ้างดังกล่าว โดยระบุว่าทุกชาติสามารถเดินเรือได้อย่างเสรีในน่านน้ำสากล
ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติให้ความเห็นว่า กองทัพจีนจะกระตือรือร้นในการไปถึงซากเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเรือกู้ภัยของสหรัฐฯ จะอยู่ห่างจากจุดที่เครื่องบินตก โดยใช้เวลาในการเดินทางอย่างน้อย 10 วัน
เอบี ออสเทน ที่ปรึกษาด้านการป้องกันกล่าวว่า มันช้าเกินไป เพราะแบตเตอรี่กล่องดำจะหมดลงก่อนที่เรือจะไปถึง ซึ่งจะทำให้การค้นหาซากเครื่องบินทำได้ยากขึ้น
“มันสำคัญอย่างยิ่งที่สหรัฐฯ จะนำซากเครื่องบินกลับมา เพราะ F-35 เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ที่บินได้ มันออกแบบมาให้เชื่อมกับอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งกองทัพอากาศเรียกว่าการเชื่อมโยงเซ็นเซอร์ถึงปืน” เธอกล่าว
ออสเทนกล่าวเสริมว่า จีนไม่มีเทคโนโลยีแบบนั้น ดังนั้นหากจีนได้ไปจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ภาพ: U.S. Navy photo courtesy Lockheed Martin via Getty Images
อ้างอิง: