ประชาชนในหลายเมืองของสหรัฐฯ ออกมาร่วมชุมนุมและเดินขบวนประท้วง เพื่อต่อต้านการก่ออาชญากรรมและความรุนแรงจากความเกลียดชังชาวเอเชียและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายหลังเกิดเหตุมือปืนบุกยิงสปา 3 แห่งในพื้นที่เมืองแอตแลนตาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมีหญิงเอเชีย 6 คน ตกเป็นเหยื่อสังหาร โดยเหตุเกิดท่ามกลางกระแสเกลียดชังเอเชียที่เพิ่มขึ้น นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ที่ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมประท้วง ซึ่งหลายคนที่เป็นชาวเอเชียหรือเอเชีย-อเมริกัน ต่างชูป้ายเขียนข้อความว่า พวกเราไม่ใช่ไวรัส, พวกเราเป็นมนุษย์ และหยุดความรุนแรง พร้อมทั้งแสดงความไม่พอใจที่คนเชื้อสายเอเชียในสหรัฐฯ ถูกทำร้าย
ผู้ประท้วงเชื้อสายเอเชียบางคนขึ้นปราศรัยต่อหน้าฝูงชนเป็นภาษาอังกฤษและจีนกวางตุ้ง เรียกร้องความปลอดภัยและความเสมอภาคแก่ชาวเอเชีย พร้อมขอให้ชาวเอเชียในสหรัฐฯ มีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และเคารพต่อเหยื่อของการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง
“จะมีคนสายเลือดแบบเราอีกมากแค่ไหนที่ต้องตาเขียว หน้าบวม กระดูกหัก มันต้องเกิดขึ้นก่อนที่จะมีคนมองเห็นหรือ?” แอชลีน โซ เด็กหญิงเชื้อสายเอเชียวัย 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมตั้งคำถาม
นอกจากนี้หลายเมืองใหญ่ทั้งแอตแลนตา, อัลฮัมบรา, วอชิงตัน ดี.ซี., นิวยอร์ก, โคลัมบัส และชิคาโก มีประชาชนนับพันคนเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วง และมีการจัดกิจกรรมจุดเทียนแสดงความไว้อาลัยต่อเหยื่อจากเหตุบุกยิงสปาที่แอตแลนตา
ส่วนในต่างประเทศ ที่เมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก ของแคนาดา วานนี้ (21 มีนาคม) ก็มีประชาชนหลายพันคนเข้าร่วมการเดินขบวนประท้วงต่อต้านการแบ่งแยกเชื้อชาติและการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชัง พร้อมประณามกระแสการเหยียดชาวเอเชียที่เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่เกิดโควิด-19
ซึ่งทางการทองถิ่นเปิดเผยว่า กรณีการก่ออาชญากรรมต่อชุมชนชาวเอเชียนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยมีกว่า 30 คดีในปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงธันวาคม และในจำนวนนี้เป็นการก่อความรุนแรงจากความเกลียดชังชาวเอเชียอย่างน้อย 8 คดี
“เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่เราต้องเผชิญกับทั้งวิกฤตทางการแพทย์จากโควิด-19 และวิกฤตเหยียดเชื้อชาติจากโควิด-19″ เมย์ ชิว หนึ่งในผู้ประท้วงเชื้อสายเอเชีย กล่าว พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อท้องถิ่น เรียกร้องไปยังรัฐบาลของรัฐควิเบก ให้ยอมรับว่ามีการเหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลแคนาดาไม่เคยทำ
ทั้งนี้ ปัญหาการเกลียดชังชาวเอเชียนั้นไม่ใช่เพียงปัญหาใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา มีรายงานกรณีก่ออาชญากรรมจากกระแสเกลียดชังชาวตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มมากขึ้นในหลายชาติตะวันตก อาทิ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ส่วนหลายประเทศยุโรป ไม่พบว่ามีการรวบรวมข้อมูลกรณีก่อความรุนแรงจากปัญหาเหยียดเชื้อชาติ
ในกรุงลอนดอน ทางการเปิดเผยว่า มีคดีที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังชาวเอเชียเกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายนปี 2020 ที่ผ่านมากว่า 200 คดี ซึ่งเพิ่มจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 96%
เผิง หวัง ศาสตราจารย์วัย 37 ปี ของมหาวิทยาลัยเซาแธมป์ตัน ทางตอนใต้ของอังกฤษ ตกเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกชาย 4 คนรุมทำร้ายระหว่างวิ่งอยู่ใกล้บ้านในช่วงบ่ายวันหนึ่ง ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุตะโกนถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติ เช่น คำว่า “ไวรัสจีน” ใส่เขา ก่อนที่เขาจะตะโกนตอบกลับ ทำให้ชายทั้งสี่ลงจากรถและรุมทำร้ายจนใบหน้าของหวังเต็มไปด้วยเลือด ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตำรวจสามารถจับกุมชาย 2 คนที่รุมทำร้ายเขาได้
“สิ่งที่พวกเขาทำไม่มีอารยะ มันไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน พวกเขาปฏิบัติกับผมเหมือนสัตว์” หวังกล่าว พร้อมชี้ว่า หนึ่งในชนวนความเกลียดชังเอเชียปะทุขึ้นในช่วงที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเขาเรียกโควิด-19 ว่า “ไวรัสจีน” และนั่นเป็นสิ่งที่ผิดอย่างยิ่ง
ภาพ: Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- https://www.vox.com/2021/3/21/22343366/atlanta-shooting-protests-against-anti-aapi-hate
- https://www.buzzfeednews.com/article/claudiakoerner/stop-asian-hate-rallies-atlanta-victims
- https://www.latimes.com/california/story/2021-03-20/hundreds-gather-in-san-francisco-for-rally-against-anti-asian-attacks-racism
- https://edition.cnn.com/2021/03/21/world/anti-asian-hate-crime-intl/index.html