ตลาดหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ปรับขึ้นยกแผง ตอบรับข่าวที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และสถาบันคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐฯ (FDIC) ออกแถลงการณ์ร่วม ประกาศจะให้การคุ้มครองผู้ฝากเงินทั้งหมดของ Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ซึ่งมีเงินฝากรวมกันคิดเป็นมูลค่าราว 264,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบธนาคาร
โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สพุ่งขึ้น 265 จุด ในช่วงเช้าวันนี้ (13 มีนาคม) สอดคล้องกับดัชนี S&P 500 ฟิวเจอร์ส และดัชนี Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ที่ปรับสูงขึ้น 1.1% และ 1.2% ตามลำดับ
“เราตัดสินใจใช้นโยบายที่เด็ดขาดเพื่อปกป้องเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นในระบบธนาคารของเราต่อสาธารณชน” แถลงการณ์ร่วมระหว่าง Fed และ FDIC ระบุ
นอกจากนี้ Fed ยังประกาศด้วยว่าจะจัดตั้งโครงการ Bank Term Funding Program (BTFP) ขนาด 25,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องไม่ให้ปัญหาลุกลาม โดยเปิดให้ธนาคารสามารถเอาพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือตราสาร Mortgage-Backed Securities (MBS) มาแลกเป็นสภาพคล่องได้ที่ราคาหน้าพันธบัตร ทำให้สถาบันเหล่านี้ไม่ต้องเร่งขายสินทรัพย์จนเกิดผลขาดทุนเหมือนในกรณีของ SVB
“เราเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับระบบธนาคารในการป้องกันเงินฝาก เรายังพร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาแก้ไขปัญหาสภาพคล่องหากพบว่าปัญหาดังกล่าวมีความรุนแรงมากขึ้น” Fed ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 มีนาคม) หน่วยงานด้านกำกับกิจการการเงินของสหรัฐฯ สั่งปิด Signature Bank ที่ตั้งอยู่ในเมืองนิวยอร์กเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง ต่อจาก Silvergate Bank และ Silicon Valley Bank (SVB) ส่งผลให้ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีธนาคารในสหรัฐฯ ที่ต้องยุติกิจการไปแล้ว 3 แห่ง
Signature Bank ถือเป็นหนึ่งในธนาคารรายใหญ่ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี โดยราคาหุ้นของ Signature Bank ร่วงลงเกือบ 40% หลังจาก Silvergate Capital ซึ่งเป็นคู่แข่ง ได้ประกาศยุติการดำเนินงานและขายสินทรัพย์ของ Silvergate Bank เพื่อชำระหนี้
ข้อมูลล่าสุดจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ระบุว่า Signature Bank มีสินทรัพย์โดยรวมมูลค่า 1.104 แสนล้านดอลลาร์ และมีฐานเงินฝากราว 8.9 หมื่นล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ เจเน็ต เยลเลน รมว. คลัง สหรัฐฯ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการล้มของ SVB ว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ฝากเงิน แต่ปฏิเสธถึงการเข้าไปอุ้มธนาคารเหมือนช่วงวิกฤตปี 2008 โดยมองว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีความแตกต่างกับเมื่อปี 2008 และระบบธนาคารของสหรัฐฯ ในปัจจุบันยังมีความปลอดภัย มีเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมีความสามารถในการปรับตัวกับสถานการณ์ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
อ้างอิง: