รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครอบคลุมบุคคลหลายสิบคนจากจีน เกาหลีเหนือ เมียนมา และบังกลาเทศ เพื่อตอบโต้กรณีการคุกคามสิทธิมนุษยชน พร้อมทั้งขึ้นบัญชีดำบริษัทด้าน AI ของจีน หลังพบพัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับใบหน้าที่พุ่งเป้าชาวมุสลิมอุยกูร์ ซึ่งนอกจากนี้แคนาดาและสหราชอาณาจักรยังร่วมกับสหรัฐฯ ในการคว่ำบาตรเมียนมาด้วย
ท่าทีของสหรัฐฯ มีขึ้นเมื่อวานนี้ (10 ธันวาคม) ซึ่งตรงกับวันสิทธิมนุษยชน โดย วอลลี อเดเยโม (Wally Adeyemo) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐฯ พร้อมด้วยแคนาดาและสหราชอาณาจักร ว่าระบอบประชาธิปไตยทั่วโลกจะต่อต้านผู้ที่ใช้อำนาจรัฐในทางไม่ถูกต้องเพื่อปราบปรามและสร้างความทุกข์ทรมานให้แก่ประชาชน
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้ออกมาประณามความเคลื่อนไหวในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง และละเมิดหลักปฏิบัติพื้นฐานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ พร้อมเรียกร้องให้ทำเนียบขาวทบทวนการตัดสินใจ
ทั้งนี้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เพิ่มบริษัท SenseTime ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ของจีนไว้ในบัญชีดำบริษัทอุตสาหกรรมทางทหารของจีน โดยกล่าวหาทางบริษัทว่าได้พัฒนาโปรแกรมจดจำใบหน้าที่สามารถกำหนดเป้าหมายเป็นกลุ่มชนพื้นเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มชนพื้นเมืองชาวมุสลิมอุยกูร์
ซึ่งภายใต้บัญชีดำนี้จะส่งผลให้นักลงทุนอเมริกันไม่สามารถลงทุนกับทางบริษัท ขณะที่บริษัท SenseTime ออกแถลงการณ์ในวันนี้ (11 ธันวาคม) คัดค้านการขึ้นบัญชีดำและข้อกล่าวหาทั้งหมดของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูล
ภาพ: Photo by Ting Shen/Bloomberg via Getty Images
อ้างอิง: