วันนี้ (26 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ออกมาเรียกร้องให้จีนร่วมกันกดดันเมียนมา โดยย้ำว่าจีนไม่ควรปล่อยให้เรื่องทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ หลังจากที่รัฐบาลทหารเมียนมาได้สั่งประหารชีวิต 4 นักกิจกรรมผู้เรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการใช้ความรุนแรงกำจัดผู้ที่คิดเห็นต่างทางการเมือง จนเรียกเสียงประณามจากประชาคมโลก
เน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ เรียกร้องให้ทุกประเทศดำเนินการให้มากขึ้นเพื่อกดดันเมียนมา รวมถึงต้องยุติการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาล อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าไม่มีประเทศใดที่จะมีอิทธิพลต่อทิศทางความเคลื่อนไหวของเมียนมาไปมากกว่าจีนอีกแล้ว โดยมองว่าขณะนี้รัฐบาลทหารเมียนมายังไม่เผชิญกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจและทางการทูตหนักเท่าที่ควรจะเป็น ส่วนสหรัฐฯ เองก็กำลังพิจารณาที่จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาลทหาร
อย่างไรก็ตาม จีนซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของรัฐบาลทหารเมียนมานั้นยังคงเลี่ยงที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการสั่งประหารนักกิจกรรม โดย จ้าวลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวเพียงว่า จีนยึดมั่นในหลักการที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่นๆ ส่วนในกรณีของเมียนมานั้น จีนมองว่าเมียนมาควรใช้กฎหมายและรัฐธรรมนูญของตนเองในการแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังวานนี้ (25 กรกฎาคม) หนังสือพิมพ์ The Global New Light of Myanmar ของรัฐบาลเมียนมารายงานว่า นักโทษทางการเมืองทั้ง 4 คนถูกลงโทษประหารชีวิตแล้วตามกระบวนการของเรือนจำ ซึ่งถือเป็นการใช้โทษประหารครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี ส่งผลให้องค์กรสิทธิมนุษยชนกังวลว่าเมียนมาอาจหวนกลับมาใช้โทษตายเพื่อกำจัดผู้เห็นต่างเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
ข้อมูลจากสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง (AAPP) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่กองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2021 ก็มีประชาชนที่เห็นต่างทางการเมืองถูกจับกุมไปแล้วกว่า 14,847 ราย ในจำนวนดังกล่าวมีประชาชน 11,759 รายที่ยังถูกคุมขังอยู่ และมีนักโทษที่ถูกประหารชีวิตแล้ว 76 ราย โดยเป็นเด็ก 2 ราย
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
อ้างอิง: