จากกรณีที่ The New York Times เผยข้อมูลว่าพนักงานที่ทำงานในโรงงานของบริษัท Emergent BioSolutions ได้ผสมส่วนผสมวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson และบริษัท AstraZeneca เข้าด้วยกัน จนทำให้มีวัคซีนที่ใช้ไม่ได้กว่า 15 ล้านโดส ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาวุโสของสหรัฐฯ รายหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ให้โรงงานแห่งนี้ผลิตวัคซีนของ Johnson & Johnson เพียงบริษัทเดียวแล้ว และสั่งให้ AstraZeneca ระงับการใช้โรงงานแห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ สั่งให้ Johnson & Johnson แต่งตั้งทีมผู้นำใหม่ในการกำกับดูแลกระบวนการผลิตในทุกด้านที่โรงงานแห่งนี้ด้วย
ทางด้าน Johnson & Johnson ออกแถลงการณ์ยืนยันการเข้ารับผิดชอบโรงงานดังกล่าว และยืนยันว่าบริษัทจะจัดส่งวัคซีนจำนวน 100 ล้านโดสให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้
ขณะที่ AstraZeneca ระบุว่าจะทำงานร่วมกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อหาสถานที่อื่นในการผลิตวัคซีนต่อไป อย่างไรก็ตาม วัคซีนของ AstraZeneca ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานในสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ซึ่งต่างกับ Johnson & Johnson ที่ได้รับอนุมัติให้ใช้งานฉุกเฉินในสหรัฐฯ ไปแล้ว ส่วนทำเนียบขาวยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ต่อกรณีดังกล่าว
สถานการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นและถูกเปิดเผยครั้งแรกโดย The New York Times ถือเป็นอุปสรรคต่อความพยายามของ AstraZeneca ในสหรัฐอเมริกา โดยรัฐบาลสหรัฐฯ วิจารณ์ AstraZeneca ที่ใช้ข้อมูลที่ล้าสมัยในผลการทดลองวัคซีน ซึ่งต่อมาผลการศึกษาดังกล่าวก็ถูกแก้ไข ส่วนกรณีการผสมส่วนผสมของวัคซีนสองชนิดเข้าด้วยกันนั้น Johnson & Johnson ระบุว่าวัคซีนชุดที่ใช้การไม่ได้นั้นยังไม่ได้ผลิตไปถึงขั้นตอนการบรรจุขวด และการเสร็จสิ้นกระบวนการบรรจุวัคซีนเพื่อแจกจ่ายแต่อย่างใด
The New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาวุโสในระดับรัฐบาลกลางสองราย ที่ชี้ว่าการที่รัฐบาลสั่งให้โรงงานดังกล่าวผลิตวัคซีนของ Johnson & Johnson เพียงชนิดเดียวก็เป็นไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการผสมส่วนผสมผิดพลาดอีก สื่อรายดังกล่าวยังรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางมีความกังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะบั่นทอนความเชื่อมั่นของสาธารณะต่อวัคซีนโควิด-19 ด้วย
ทว่า แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ประจำทำเนียบขาวได้ระบุกับสำนักข่าว Reuters ไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ อาจไม่ต้องการวัคซีนของ AstraZeneca แม้วัคซีนดังกล่าวจะได้รับอนุมัติให้ใช้งานก็ตาม ขณะเดียวกันสหรัฐฯ เองก็มีข้อตกลงให้เม็กซิโกและแคนาดายืมวัคซีนของ AstraZeneca ราว 4 ล้านโดสที่ผลิตจากโรงงานในสหรัฐฯ ด้วย โดยแบ่งเป็นเม็กซิโก 2.5 ล้านโดส และแคนาดา 1.5 ล้านโดส ทั้งนี้ ทำเนียบขาวยืนยันเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ข้อตกลงนี้จะไม่กระทบต่อแผนของโจ ไบเดน ในการให้มีวัคซีนเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ทุกคนภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้แต่อย่างใด
อนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตวัคซีนกล่าวว่า ในอดีตองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) มีกฎในการป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าวโดยไม่อนุญาตให้โรงงานหนึ่งแห่งผลิตวัคซีนประเภทไวรัลเวกเตอร์สองตัว เนื่องจากมีโอกาสเกิดการผสมและการปนเปื้อนได้ ซึ่งวัคซีนของทั้ง AstraZeneca และ Johnson & Johnson ก็เป็นวัคซีนชนิดไวรัลเวกเตอร์ทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม วัคซีนของ AstraZeneca นั้นเป็นชนิดสองโดส แต่วัคซีน Johnson & Johnson เป็นชนิดฉีดโดสเดียว
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง: