บรรยากาศตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ (24 กุมภาพันธ์) สามารถฟื้นตัวกลับมายืนแดนบวกได้ในช่วงท้ายของการซื้อขายก่อนปิดตลาด โดยได้แรงหนุนจากการเข้ามาช้อนซื้อของนักลงทุนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นมาได้อย่างดี ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า นอกจากช้อนซื้อเพื่อเก็งกำไรแล้ว ยังเป็นผลจากการที่นักลงทุนมองผ่านไปถึงสถานการณ์ในอนาคตที่ไกลกว่าการโจมตียูเครนของรัสเซีย
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่า ท่าทีดังกล่าวของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็นการขานรับจากจุดยืนที่ชัดเจนของรัฐบาลสหรัฐฯ กับบรรดาผู้นำในภูมิภาคยุโรป ที่มุ่งจะดำเนินมาตรการลงโทษให้มีผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียมากที่สุดและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกน้อยที่สุด จึงช่วยสร้างความมั่นใจที่จะกลับมาลงทุนในตลาดอีกครั้ง
ขณะเดียวกันนักลงทุนมีเรื่องให้ต้องลุ้นมากกว่า นั่นคือสถานการณ์เงินเฟ้อ กับนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้หรือไม่ และเป็นจำนวนตัวเลขที่เท่าใด
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญอีกส่วนหนึ่งก็ออกมาเตือนว่า ตราบใดที่การโจมตียังไม่จบ ก็ยังมีสิทธิ์ที่นักลงทุนในตลาดจะเผชิญกับแรงเทขายได้อีกระลอก ขณะเดียวกันสถานการณ์ที่ตึงเครียดยังมีความเป็นไปได้ที่ทำให้นักลงทุนต้องเผชิญกับราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงลิ่ว
โดยราคาน้ำมันเมื่อวานนี้ทำสถิติสูงสุดระลอกใหม่ พุ่งขึ้นเหนือ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 ก่อนทยอยปรับตัวลดลงมาอยู่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่ามาตรการคว่ำบาตรจะส่งผลต่อซัพพลายน้ำมันในตลาด เพราะรัสเซียถือเป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนเมษายน ปิดที่ 92.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ปิดที่ 99.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การที่น้ำมันแกว่งตัวลงในช่วงท้ายของการซื้อขายเป็นผลจากคำกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยว่าสหรัฐฯ เตรียมปล่อยน้ำมันจากคลังปิโตรเลียมสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ออกมาเพิ่มเติม
นอกจากราคาน้ำมันแล้ว ในฐานะที่รัสเซียเป็นประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลก ยังส่งผลให้ราคาก๊าซขยับปรับเพิ่มขึ้น 6.5 เปอร์เซ็นต์ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยสถานการณ์ที่ยังคงตึงเครียด ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่วิ่งเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัย ความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดรอบ 17 เดือน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 15.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,926.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ในส่วนของความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ดิจิทัล ทาง Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำในสหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยว่า ปริมาณ (วอลุ่ม) การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์มรายไตรมาสขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 67 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากความผันผวนของราคาดึงดูดให้นักลงทุนรายย่อยหันมาสนใจในตลาดนี้มากขึ้น
โดยปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 547,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่ 89,000 ล้านดอลลาร์
แถลงการณ์ของ Coinbase ระบุว่า ปริมาณการซื้อขายปลีกที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนี้ได้รับแรงผลักดันหลักจากระดับความผันผวนที่สูงขึ้นของราคาคริปโต รวมถึงความสนใจของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งในสินทรัพย์คริปโตซึ่งมีความหลากหลายมากขึ้น
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/02/23/stock-futures-are-little-changed-after-dow-sinks-to-its-lowest-level-of-the-year-amid-ukraine-crisis.html
- https://www.investing.com/news/commodities-news/oil-crosses-100-after-7year-wait-new-russia-sanctions-on-radar-2771585
- https://www.cnbc.com/2022/02/24/russia-invades-ukraine-gold-jumps-to-highest-in-more-than-a-year.html
- https://www.cnbc.com/2022/02/24/oil-prices-jump-as-russia-launches-attack-on-ukraine.html
- https://www.channelnewsasia.com/business/crypto-exchange-coinbase-trading-volumes-jump-over-67per-cent-2518516