×

มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ ปั่นป่วน ยอดนักศึกษาต่างชาติลดฮวบหลังรัฐบาลคุมเข้มวีซ่า บางมหาวิทยาลัยยอดลดลงถึง 45%

27.09.2025
  • LOADING...
มหาวิทยาลัยสหรัฐฯ

เมื่อ ดักลาส ฮิกส์ อธิการบดีของ Davidson College ได้รับอีเมลในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่แจ้งว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ระงับการสัมภาษณ์วีซ่าสำหรับนักศึกษาต่างชาติ เขาก็ต้องถอนหายใจยาว สำหรับวิทยาลัยขนาดเล็กที่มีนักศึกษาต่างชาติคิดเป็น 11% การสูญเสียนักศึกษาใหม่กว่า 30 คนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องเร่งแก้ไข

 

“ทีมงานของเราต้องทำงานกันอย่างเต็มกำลัง” ฮิกส์กล่าว ทีมงานของ Davidson College ได้ติดตามสถานะของนักศึกษาแต่ละคนอย่างใกล้ชิด บางครั้งต้องเช็คความคืบหน้าทุกวัน เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับวีซ่าทันเวลา ซึ่งในท้ายที่สุด นักศึกษาเกือบทั้งหมดก็สามารถเดินทางมาเริ่มเรียนได้ทันในเดือนสิงหาคม

 

แต่มหาวิทยาลัยอีกหลายแห่งกลับไม่โชคดีเช่นนั้น ยอดลงทะเบียนของนักศึกษาต่างชาติในมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ กำลังลดลงอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในระดับปริญญาโท ซึ่งเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยต่างชี้ว่าเป็น ‘ผลกระทบ’ โดยตรงจากนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบผู้สมัคร

 

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Saint Louis University ซึ่งมียอดนักศึกษาต่างชาติลดลงถึง 45% ในเทอมล่าสุด ขณะที่ Arizona State University ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่มีนักศึกษาต่างชาติมากที่สุด ก็มียอดลดลงประมาณ 500 คน หรือ 3% ส่วน University of Cincinnati ก็มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติระดับบัณฑิตศึกษาลดลงถึง 25%

 

การลดลงของนักศึกษาต่างชาติได้สร้างแรงกดดันทางการเงินอย่างหนักให้กับมหาวิทยาลัย เนื่องจากนักศึกษากลุ่มนี้มักจะจ่ายค่าเล่าเรียนเต็มจำนวน ซึ่งช่วยชดเชยทุนการศึกษาที่มอบให้กับนักศึกษาในประเทศ โดยข้อมูลจาก NAFSA ระบุว่า ในปีการศึกษา 2023-2024 นักศึกษาต่างชาติได้สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ สูงถึง 4.38 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.41 ล้านล้านบาท)

 

ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศได้ให้เหตุผลว่า การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบวีซ่ามีขึ้นเพื่อคัดกรองบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวพุ่งเป้าไปที่นักศึกษาชาวจีนโดยเฉพาะ โดยระบุว่าจะมีการตรวจสอบผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์อย่างละเอียด

 

นโยบายดังกล่าวยังรวมถึงการสั่งห้ามการออกวีซ่าให้กับนักศึกษาจาก 19 ประเทศ ซึ่งรวมถึงอิหร่านและอัฟกานิสถานด้วย เอลฮัม ชามิรี พลเมืองชาวอิหร่านที่พยายามขอวีซ่าเพื่อมาศึกษาต่อระดับปริญญาเอกสาขาเคมีที่ University of Vermont กล่าวว่า “ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเคว้งคว้าง เราไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เราเป็นแค่นักศึกษาที่มุ่งมั่นกับการวิจัยเท่านั้น”

 

นอกเหนือจากปัญหาวีซ่าแล้ว การชะลอตัวของตลาดแรงงานในภาคเทคโนโลยีก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ความต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทสาขา STEM (ซึ่งย่อมาจาก วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ในสหรัฐฯ ลดน้อยลง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่มหาวิทยาลัยหลายแห่งต้องเผชิญ

 

เวนดี วูลฟอร์ด จาก Cornell University ได้แสดงความกังวลถึงผลกระทบในระยะยาวว่า “คุณจะสามารถดึงดูดคนเก่งและฉลาดที่สุดได้อย่างไร ในเมื่อภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ กลายเป็นดินแดนที่คาดเดายากอย่างยิ่งสำหรับนักศึกษาต่างชาติ”

 

เธอยังชี้ให้เห็นถึง ‘ความเสี่ยง’ ที่มหาวิทยาลัยในประเทศอื่นกำลังใช้โอกาสนี้ในการดึงตัวนักศึกษาที่เคยได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ แต่ต้องติดอยู่กับปัญหาความไม่แน่นอนของวีซ่า “ฉันคิดว่าเรื่องนี้กำลังสร้างความเสียหายให้กับสหรัฐฯ ในระยะยาวอย่างแท้จริง” วูลฟอร์ดกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความวุ่นวายระดับประเทศ ที่ Davidson College บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความหวัง อธิการบดีฮิกส์ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับนักศึกษาใหม่และครอบครัวของพวกเขา โดยพยายามที่จะสร้างความเชื่อมั่นและให้ความมั่นใจว่าพวกเขาได้ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกมาเรียนที่นี่

 

“ผมบอกว่า ‘เราขอบคุณที่คุณไว้วางใจให้เราให้การศึกษาแก่ลูกหลานของคุณ’” ฮิกส์เล่าถึงคำพูดของเขาในวันนั้น “‘เราหวังว่าคุณจะรู้สึกมั่นใจว่าพวกเขามี ‘บ้าน’ อยู่ที่นี่เช่นกัน’” ซึ่งเป็นความพยายามเล็กๆ ที่จะมอบความอบอุ่นและความปลอดภัยให้กับนักศึกษา ท่ามกลางนโยบายระดับชาติที่ดูเหมือนจะเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม


หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.26 บาท ณ วันที่ 26 กันยายน 2568 


ภาพ : John Giustina / Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising