×

คลังสหรัฐฯ และ Fed ประสานเสียง หนุนขยายเพดานหนี้ เตือนเศรษฐกิจเสี่ยงเผชิญหายนะหากรัฐบาลผิดนัดชำระหนี้

29.09.2021
  • LOADING...
government debt ceiling

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ร่วมประสานเสียงสนับสนุนให้สภาคองเกรสเปิดทางยอมขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ ‘Government Shutdown’ และการผิดนัดชำระหนี้ที่จะก่อให้เกิดหายนะทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครั้งใหญ่ พร้อมเตือนการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ยังคงเปราะบาง เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา ยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลายในเร็ววันนี้ ขณะที่ประเด็นเรื่องอัตราเงินเฟ้อของประเทศก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ความเห็นของสองหัวเรือใหญ่ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างที่ พาวเวลล์ และเยลเลน ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา ในวันอังคารที่ผ่านมา (28 กันยายน) เพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเน้นย้ำความสำคัญของการใช้นโยบายการเงินและการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด พร้อมเปิดโอกาสให้ทางคณะกรรมาธิการซักถามข้อข้องใจด้านเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ เรื่องร่างกฎหมายยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และเรื่องขยายเพดานหนี้ของประเทศ

 

เว็บไซต์ข่าว Al Jazeera รายงานว่า เนื้อหาถ้อยแถลงของพาวเวลล์และเยลเลน เป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ในตลาด ซึ่งทั้งสองคนยังใช้โอกาสนี้ชี้แจงผลการทำงานที่ผ่านมาจากการใช้นโยบายกระตุ้น และผ่อนคลายทางการเงินชุดใหญ่เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ สามารถขยับฟื้นตัวจากภาวะซบเซาและถดถอยมาได้อย่างหวุดหวิด

 

ขณะเดียวกัน ทั้งพาวเวลล์และเยลเลนยังเห็นตรงกันว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา กับการเผชิญหน้ากับภาวะเงินเฟ้อสูงในระยะเวลานานกว่าที่คาดการณ์กันไว้ จะส่งผลกระทบทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงได้

 

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหลักที่สมาชิกสภาคองเกรสต้องลงมือจัดการอย่างเร่งด่วนก็คือ การเพิ่มเพดานการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเพื่อเลี่ยงหายนะที่จะตามมา หากสหรัฐฯ ต้องปิดหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) และผิดนัดชำระหนี้

 

ในฐานะรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เยลเลนเตือนว่า หากรัฐสภาไม่อนุมัติให้เพิ่มเพดานการกู้ยืมเงิน ก็จะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของสหรัฐฯ และอาจทำให้ประเทศเผชิญวิกฤตทางการเงิน และเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยรอบใหม่ได้ โดยขณะนี้หนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ มีมูลค่าอยู่ที่ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

ขณะที่ทางประธาน Fed กล่าวต่อทางสภาชิกสภาว่า เห็นด้วยกับคำเตือนของเยลเลน ที่หากสหรัฐฯ ผิดนัดชำระหนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เลวร้ายรุนแรงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องขยายเพดานหนี้ให้ทันกำหนดเส้นตายในวันที่ 18 ตุลาคมนี้

 

คำเตือนและข้อกังวลของเยลเลนรวมทั้งพาวเวลล์ มีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกันปฏิเสธร่างงบประมาณฉบับใหม่ และมาตรการเพิ่มเพดานการกู้ยืมเงินของรัฐบาล ซึ่งอาจมีผลให้หน่วยงานของรัฐบาลบางส่วนต้องปิดทำการตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป

 

ชัค ชูเมอร์ ผู้นำสมาชิกวุฒิสภาพรรคเดโมแครต กล่าวว่า จะพยายามผลักดันให้มีการลงมติแบบใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 100 เสียงในวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อเพิ่มเพดานการกู้ยืมเงิน แทนการใช้เสียงเกิน 60 เสียงดังเช่นการลงมติในร่างกฎหมายสำคัญอื่นๆ

 

ในส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ พาวเวลล์และเยลเลนเห็นตรงกันว่า เศรษฐกิจยังคงสามารถเดินหน้าขยายตัว ซึ่งรวมถึงการฟื้นตัวของอัตราการจ้างงานบางส่วนที่สูญเสียไปเมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา ก่อนคาดการณ์ว่าตลาดงานสหรัฐฯ จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ในปีหน้า (2022)

 

ด้านสำนักข่าว AP รายงานว่า เจเน็ต เยลเลน ยังใช้โอกาสนี้แสดงจุดยืนสนับสนุนร่างกฎหมายปรับปรุงยกระดับโครงสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐของประธานาธิบดีไบเดน พร้อมวอนให้สภาคองเกรสหันมาร่วมมือสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยระบุว่า การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นสิ่งจำเป็นในการวางรากฐานให้สหรัฐฯ แข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับปัจจัยท้าทายทางเศรษฐกิจในโลกอนาคตต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพแวดล้อมเนื่องจากภาวะโลกร้อน

 

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising