วานนี้ (24 มิถุนายน) ตามเวลาท้องถิ่น ศาลฎีกาของสหรัฐฯ มีคำพิพากษาซึ่งถือเป็นการล้มล้างคำพิพากษาคดีที่รู้จักกันในชื่อ ‘Roe v. Wade’ เมื่อปี 1973 ซึ่งเคยรับรองสิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้หญิงในการทำแท้งและทำให้เป็นสิ่งถูกกฎหมายทั่วประเทศเอาไว้ สำนักข่าว Reuters ระบุว่า นี่นับเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของฝั่งรีพับลิกันและกลุ่มอนุรักษ์นิยมทางศาสนาที่ต้องการจำกัดหรือห้ามกระบวนการทำแท้ง
โดยคำพิพากษาดังกล่าวที่ออกมาในวันศุกร์นั้นเป็นการตัดสินคดี ‘Dobbs v. Jackson Women’s Health Organization’ ที่มีการคัดค้านกฎหมายแบนการทำแท้งหลังมีอายุครรภ์ได้ 15 สัปดาห์ ของรัฐมิสซิสซิปปี ซึ่งในจำนวนผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 รายนั้น ส่วนใหญ่เป็นสายอนุรักษนิยม และมี 5 คนโหวตเพื่อล้มล้างคำพิพากษาคดีเก่า Roe v. Wade ดังกล่าว
ทั้งนี้ 3 ใน 5 คนที่โหวตล้มล้างคำพิพากษาคดีเก่านั้นเป็นผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมที่แต่งตั้งมาโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ครั้งยังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งการแต่งตั้งของทรัมป์ระหว่างดำรงตำแหน่งทำให้จำนวนผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมมีอยู่ถึง 6 จาก 9 คนนั่นเอง
ขณะที่สำนักข่าว CNN ระบุว่า หัวหน้าผู้พิพากษา จอห์น โรเบิร์ตส์ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเสียงข้างมาก 5 เสียงนี้ โดยเขาเขียนความเห็นแยกต่างหากว่าเขาจะไม่ล้มล้างคำตัดสินในคดีเก่า แต่จะสนับสนุนกฎหมายแบนการทำแท้งของรัฐมิสซิสซิปปีแทน
คำตัดสินของศาลซึ่งเขียนโดยผู้พิพากษาซามูเอล อาลิโต ระบุว่าการตัดสินในคดี Roe v. Wade ซึ่งอนุญาตให้มีการทำแท้งก่อนที่ทารกในครรภ์จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้นอกครรภ์มารดา หรือระหว่างอายุครรภ์ที่ 24-28 สัปดาห์นั้น ถูกตัดสินอย่างไม่ถูกต้อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกาไม่ได้กล่าวถึงสิทธิในการทำแท้งเป็นการเฉพาะ
ส่วนผู้พิพากษาสายเสรีนิยม 3 คน ซึ่งเป็นเสียงส่วนน้อย ได้ออกความเห็นแย้งร่วมกัน โดยตอนหนึ่งมีใจความว่า ไม่ว่าขอบเขตของกฎหมายที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ผลลัพธ์อันแน่นอนอย่างหนึ่งของคำตัดสินในวันนี้คือการลดทอนสิทธิสตรี และลดทอนสถานะของพวกเธอในฐานะพลเมืองที่เสรีและเท่าเทียมกัน และอีกตอนระบุใจความว่า ผลจากคำตัดสินที่ออกมานั้นทำให้รัฐสามารถบังคับให้หญิงตั้งครรภ์ถึงกำหนดได้ แม้ว่าจะด้วยค่าใช้จ่ายส่วนตัวและครอบครัวที่สูงที่สุดก็ตาม
คดี Roe v. Wade นั้นยอมรับว่าสิทธิในความเป็นส่วนตัวตามรัฐธรรมนูญ ได้ปกป้องความสามารถในการยุติการตั้งครรภ์ของผู้หญิง ซึ่งก่อนหน้าจะมีคำตัดสินคดี Roe v. Wade มีหลายรัฐที่แบนการทำแท้ง ทำให้หญิงที่ต้องการยุติการตั้งครรภ์เหลือทางเลือกไม่มากนัก ทั้งนี้ ยังมีคำตัดสินของศาลฎีกาในอีกหนึ่งคดีเมื่อปี 1992 ที่ถูกเรียกว่าคดี ‘Planned Parenthood of Southeastern Pennsylvania v. Casey’ ก็ได้ยืนยันถึงสิทธิในการทำแท้ง และห้ามกฎหมายกำหนด ‘ภาระอันเกินควร’ ในการเข้าถึงการทำแท้ง ซึ่งคำตัดสินจากศาลฎีกาที่ออกมาล่าสุดเมื่อวานนี้ก็เป็นการล้มล้างคำตัดสินคดีปี 1992 ดังกล่าวเช่นกัน
คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังเสียงข้างมากสายอนุรักษนิยมของศาลฎีกาได้ออกคำตัดสินเพื่อจำกัดความสามารถของรัฐต่างๆ ในการออกกฎหมายจำกัดการใช้อาวุธปืน
สำนักข่าว Reuters รายงานว่า คำตัดสินที่ออกมาล่าสุดวานนี้ทำให้รัฐต่างๆ สามารถกลับมาแบนการทำแท้งได้ ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วจะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของสหรัฐอเมริกาในประเด็นเรื่องสิทธิการเจริญพันธุ์ โดยมี 26 รัฐที่แน่นอนแล้วหรือถือว่ามีแนวโน้มที่จะแบนการทำแท้ง อย่างไรก็ตาม การทำแท้งมีแนวโน้มที่จะยังคงถูกกฎหมายในรัฐที่มีแนวคิดเสรีนิยม โดยมีนับสิบรัฐที่มีกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการทำแท้ง ส่วนรัฐที่นำโดยพรรครีพับลิกันจำนวนมากได้ผ่านข้อจำกัดการทำแท้งหลายครั้ง โดยขัดต่อคำตัดสินคดีของ Roe ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
Reuters ยังระบุด้วยว่า ผลจากคำตัดสินวานนี้ทำให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ในสหรัฐฯ อาจต้องเผชิญกับทางเลือกของการเดินทางไปยังรัฐอื่นที่กระบวนการทำแท้งยังคงถูกกฎหมายและใช้ได้ การซื้อยาทำแท้งทางออนไลน์ หรือการทำแท้งที่ผิดกฎหมายซึ่งอาจเป็นอันตราย
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาประณามคำตัดสินดังกล่าว โดยเรียกคำตัดสินนี้ว่าเป็น ‘วันที่น่าเศร้า’ สำหรับสหรัฐอเมริกา และระบุว่าฝั่งอนุรักษนิยมของศาลนั้น ‘สุดโต่ง’ แต่ก็บอกว่าการต่อสู้เพื่อสิทธิการทำแท้งยังไม่สิ้นสุด ไบเดนกล่าวว่า ฝ่ายบริหารของเขาจะปกป้องการเข้าถึงยาคุมกำเนิด และจะทำทุกอย่างในอำนาจของเขาเพื่อต่อสู้กับความพยายามที่จะจำกัดผู้หญิงจากการเดินทางไปยังรัฐอื่นเพื่อทำแท้ง
ส่วนนักกิจกรรมต่อต้านการทำแท้งที่รวมตัวกันอยู่ภายนอกศาลเป็นเวลาหลายวัน ส่งเสียงโห่ร้องเชียร์หลังการพิจารณาคดี โดย เอ็มมา เครก วัย 36 ปี จากกลุ่ม Pro Life Sanfrancisco ระบุว่า เธอยินดีอย่างมาก และบอกว่าการทำแท้งเป็น ‘โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดในรุ่นของเรา’ และในอีก 50 ปี “เราจะมองย้อนกลับไปที่ 50 ปีที่เราอยู่ภายใต้ Roe v. Wade ด้วยความละอาย”
ทั้งนี้ มีเอกสารคำตัดสินฉบับร่างของผู้พิพากษาอาลิโตหลุดออกมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าศาลพร้อมจะล้มล้างคำตัดสินในคดี Roe v. Wade นำมาซึ่งปฏิกิริยาทางการเมืองอย่างรุนแรง และคำตัดสินที่ถูกเผยแพร่จากศาลฎีกาสหรัฐฯ ก็คล้ายคลึงกับฉบับร่างที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้
ภาพ: STEFANI REYNOLDS / AFP
อ้างอิง: