ศาลสูงสหรัฐอเมริกาเตรียมรับฟังข้อโต้แย้งทางกฎหมายครั้งสุดท้ายจาก TikTok ถึงสาเหตุที่ไม่ควรแบนหรือขายกิจการ TikTok ในสหรัฐฯ ท่ามกลางข้อพิพาทอันยาวนานที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าควรแบนไม่ให้มีการใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวในดินแดนของตน เพราะเกรงว่ารัฐบาลจีนอาจล้วงข้อมูลได้ ขณะที่ซีอีโอของ TikTok ออกมายืนยันหลายครั้งว่าแพลตฟอร์มของตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจีน
ถึงแม้ผู้พิพากษาศาลสูงจะปัดตกคำร้องของ TikTok ซึ่งขอคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวที่ให้ระงับใช้การใช้กฎหมายบังคับขายกิจการ แต่ศาลก็ให้โอกาส TikTok และบริษัทแม่อย่าง ByteDance เสนอข้อโต้แย้งในวันที่ 10 มกราคม หรือ 9 วันก่อนที่คำสั่งแบนจะมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ โจ ไบเดน กำลังจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ศาลสูงถือเป็นศาลที่มีอำนาจทางกฎหมายสูงสุดในสหรัฐฯ และการตัดสินใจรับพิจารณาคดีของ TikTok ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากโดยปกติศาลจะรับพิจารณาคดีเพียงปีละ 100 คดีเท่านั้น จากคำร้องทั้งหมดกว่า 7,000 คดีที่ศาลได้รับ ก่อนหน้านี้ TikTok พยายามโต้แย้งว่าการแบนของสหรัฐฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากจะกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ใช้งานชาวอเมริกัน
โฆษกของ TikTok กล่าวในแถลงการณ์ถึงสำนักข่าว BBC ว่า “เราเชื่อว่าศาลจะมองเห็นว่าการแบน TikTok เป็นสิ่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ดังนั้นชาวอเมริกันกว่า 170 ล้านคนบนแพลตฟอร์มของเราจึงจะสามารถใช้เสรีภาพในการแสดงออกต่อไปได้” แม้ว่าผลลัพธ์นั้นยากจะคาดเดา แต่ ซาราห์ เครปส์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล กล่าวว่า ศาลไม่น่าจะพลิกคำตัดสินก่อนหน้านี้ ซึ่งจะไปขัดกับเจตนารมณ์ของทั้งรัฐสภาและทำเนียบขาว
“คดีนี้ผ่านการพิจารณาของฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ และศาลชั้นต้นแล้ว โดยทุกฝ่ายต่างก็เห็นด้วยกับข้อโต้แย้งที่ว่า การที่ ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานอยู่ในจีน และเป็นเจ้าของ TikTok นั้น ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ”
คำถามที่น่าสนใจต่อมาคือ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะเข้ามาต่อชะตาให้กับ TikTok ได้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ทรัมป์ออกตัวมาตลอดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการแบน TikTok อีกทั้งเขายังได้พบกับ โจวโซ่วจือ ซีอีโอของ TikTok ที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก ในรัฐฟลอริดา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งพ้นเส้นตายของการพิจารณาคดี TikTok ไปแล้ว โดยทรัมป์ยอมรับว่า TikTok มีส่วนที่ทำให้คนรุ่นใหม่ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงให้เขามากขึ้นในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ภาพ: Reuters / Dado Ruvic / Illustration / File Photo
อ้างอิง: