แรงหนุนผลประกอบการบริษัท ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น สำนักข่าว AP รายงานว่า ตลาดหุ้น Wall Street สหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน ปิดตลาดดีดตัวพุ่งแรงทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลระลอกใหม่ โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บวกกับผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งของบรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่
โดยดัชนีอุตสาหกรรม Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.90% ปิดที่ 34,035.99 จุด ดัชนี S&P เพิ่มขึ้น 1.11% ปิดที่ 4,170.42 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.31% ปิดที่ 14,038.76 จุด
ความเคลื่อนไหวของตลาดข้างต้นมีขึ้นหลังมีรายงานยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า 9.8% ผลจากการที่ชาวอเมริกันเริ่มออกมาใช้จ่ายเพิ่มเติมตามร้านอาหารและสินค้ากีฬา ตกแต่งทำสวน รวมไปถึงซื้อรถ ท่ามกลางการเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่กระจายในวงกว้างแล้ว
ขณะเดียวกันตัวเลขยอดค้าปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นยังได้อานิสงส์จากนโยบายกระตุ้นชุดใหญ่ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แจกเงินสดให้ประชาชนคนละ 1,400 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ประชาชนนำเงินส่วนนี้ออกมาใช้จ่าย
ยิ่งไปกว่านั้นกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ยังได้เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงเป็นครั้งแรกสู่ระดับ 576,000 รายในรอบสัปดาห์ สิ้นสุด ณ วันที่ 10 เมษายน โดยถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มีนาคม 2020 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 710,000 ราย อีกทั้งเดือนที่แล้วยังมีตำแหน่งงานเพิ่มขึ้นมากถึง 916,000 ตำแหน่ง สูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ในเดือนมีนาคมยังปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบปีนี้
นอกจากนี้ตลาดหุ้น Wall Street ยังได้ปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลัง Citigroup และ Bank of America เป็นสองธนาคารล่าสุดในบรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ที่มีกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นอย่างน้อยเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนหนึ่งมองว่า สิ่งที่ต้องจับตามองต่อจากนี้คือตัวเลขรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัททั้งหลายในตลาด ซึ่งจะเป็นหลักฐานยืนยันการการเติบโตของบริษัทว่ามีรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งมากเพียงใด
ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อและการปฏิรูปภาษีของภาครัฐจะเพิ่มแรงกดดันให้สัดส่วนรายได้และผลกำไรของบริษัทลดลงได้ โดยนักยุทธศาสตร์ของ Goldman Sachs เตือนให้นักลงทุนให้ความสนใจกับแผนปฏิรูปภาษี และหลีกหนีภัยคุกคามจากเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่มีแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนของตนเองในระยะยาวต่อไป
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- https://apnews.com/article/financial-markets-seoul-tokyo-hong-kong-shanghai-7e3083b4ec4c50140f5066b6d42ae553
- https://apnews.com/article/retail-sales-economy-2f20ee18d72ed056412fde0fe94f9fae
- https://apnews.com/article/stock-prices-coronavirus-pandemic-financial-markets-earnings-prices-8d3d80c3a2501090ed4454fcbe6f6a8e
